หริ่นแนะนำเที่ยวพระราชวังเชินบรุนน์

หริ่นแนะนำเที่ยวพระราชวังเชินบรุนน์

พระราชวังในเวียนนา อันดับหนึ่ง ต้องพระราชวังเชินบรุนน์ หริ่นเลยจะมารีวิวพระราชวังเชินบรุนน์ ทั้งค่าเข้าพระราชวังเชินบรุนน์ รูปภาพของพระราชวังเชินบรุนน์ และต่อไปแนะนำให้เที่ยวพระราชวังฮับบวร์ก ที่ดังเป็นอันดับสองค่ะ

หริ่นแนะนำการจองเข้าชมพระราชวังเชินบรุน Schonbrunn Palace จะเข้าชมแบบ 40 ห้อง หรือ 20 ห้องนะคะ แนะนำให้ไปแต่เช้าได้ค่า สวนจะได้ไม่แดดร้อนค่า

การจองพระราชวังเชินบรุนน์
เข้าชมแบบ 40 ห้อง
ราคา 34 ยูโร / ท่าน
https://www.imperialtickets.com/en/schoenbrunn-palace/grand-tour-schoenbrunn-palace/45


เข้าชมแบบ 20 ห้อง
ราคา 25 ยูโร / ท่าน
https://www.imperialtickets.com/en/schoenbrunn-palace/state-apartments-ticket/62

 

--

หากคุณต้องการเข้าชมพระราชวังเชินบรุนน์ ในรูปแบบที่ครอบคลุมห้องสำคัญ 20 ห้อง ลำดับการเข้าชมที่แนะนำมีดังนี้

การเข้าชมพระราชวังเชินบรุนน์ ในรูปแบบที่ครอบคลุมห้องสำคัญ 20 ห้อง ลำดับการเข้าชมที่แนะนำมีดังนี้

ห้องที่ 1 ห้องบันไดสีน้ำเงิน (Blue Staircase) เป็นทางขึ้นสู่ชั้นหลักของพระราชวัง ออกแบบในสไตล์บาโรกตอนปลาย บันไดหินอ่อนสีอ่อนตัดกับผนังตกแต่งโทนสีฟ้าอมเทาอ่อนซึ่งเป็นที่มาของชื่อห้อง โคมไฟระย้าขนาดใหญ่และหน้าต่างสูงส่งแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้บรรยากาศดูโปร่งและสง่างาม ห้องนี้เป็นด่านแรกที่สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนด้วยความโอ่อ่าแบบสงบงาม

ห้องที่ 2 ห้องโถง (Guards Room) ห้องนี้ใช้สำหรับทหารยามราชสำนัก ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ราชวงศ์และแขกสำคัญ ผนังห้องเรียบง่ายประดับด้วยอาวุธตกแต่งและภาพเหมือนของนายทหารระดับสูง บรรยากาศภายในห้องแฝงไปด้วยระเบียบและความสงบเคร่งขรึม เป็นพื้นที่พักและเตรียมพร้อมของทหารก่อนปฏิบัติหน้าที่

ห้องที่ 3 ห้องบิลเลียด (Billiard Room) ห้องพักผ่อนสำหรับราชวงศ์ ใช้พบปะสังสรรค์ เล่นบิลเลียด หรือสนทนาอย่างไม่เป็นทางการ ตกแต่งด้วยโต๊ะบิลเลียดไม้แกะสลักกลางห้อง โคมไฟเหนือโต๊ะและภาพวาดตามผนังเพิ่มความหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องบ่งบอกถึงรสนิยมชั้นสูงและบรรยากาศแห่งความบันเทิงในราชสำนัก

ห้องที่ 4 ห้องรับรอง (Audience Chamber) สถานที่ที่จักรพรรดิใช้สำหรับรับรองแขกต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี หรือข้าราชการระดับสูง การตกแต่งหรูหราในโทนทอง-ขาว พร้อมพระเก้าอี้บัลลังก์ขนาดใหญ่ที่จัดวางไว้เด่นชัดกลางห้อง ผ้าม่านกำมะหยี่หนา เฟอร์นิเจอร์แกะสลัก และโคมระย้าคริสตัลสื่อถึงความเป็นทางการและอำนาจของราชบัลลังก์

ห้องที่ 5 ห้องทรงงานของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ของจักรพรรดิ เป็นห้องที่มีบรรยากาศเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลัง แสดงถึงวินัยและความรับผิดชอบของพระองค์ โต๊ะไม้โอ๊คใหญ่พร้อมเอกสาร ราชกิจจานุเบกษา และของใช้ส่วนพระองค์ เช่น กางเขนพระศาสนา นาฬิกา และปากกาขนนก

ห้องที่ 6 ห้องบรรทมของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ เป็นห้องที่พระองค์ทรงใช้พักผ่อนตลอดช่วงปลายพระชนม์ชีพ เตียงเหล็กสีดำเรียบง่ายซึ่งเป็นที่สิ้นพระชนม์ยังคงอยู่ ผนังตกแต่งเรียบ สีอ่อน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่มีความเป็นระเบียบ สะท้อนถึงชีวิตที่มัธยัสถ์และทุ่มเทเพื่อประเทศชาติ

ห้องที่ 7 ห้องแต่งพระองค์ของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ ห้องที่จักรพรรดินีใช้เตรียมพระองค์ในแต่ละวัน ภายในมีโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกสามบาน เครื่องสำอาง น้ำหอม และหวีพิเศษสำหรับผมยาวจรดข้อเท้า บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความประณีต ความรักในความงาม และการดูแลพระวรกายอย่างเคร่งครัดของจักรพรรดินีซิสซี

ห้องที่ 8 ห้องบรรทมของจักรพรรดิและจักรพรรดินี ห้องนอนที่จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ และจักรพรรดินีซิสซีทรงใช้ร่วมกันในบางช่วง เตียงแฝดจัดวางอย่างสมมาตร ผ้าม่านหรูหรากันแสง เฟอร์นิเจอร์คลาสสิกและการตกแต่งแบบเน้นความสมดุล สื่อถึงความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของคู่สมรสราชวงศ์

ห้องที่ 9 ห้องมารี อ็องตัวแน็ตต์ ตั้งชื่อตามพระธิดาของมาเรีย เทเรซา ผู้กลายเป็นราชินีฝรั่งเศส ตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์ฝรั่งเศส มีเฟอร์นิเจอร์หุ้มผ้าลายดอกไม้สีพาสเทล ผนังอ่อนหวานและภาพเหมือนของมารี อ็องตัวแน็ตต์ บรรยากาศของห้องนี้เต็มไปด้วยความเป็นผู้หญิง นุ่มนวลและงามสง่า

ห้องที่ 10 ห้องแกลเลอรีใหญ่ (Great Gallery) ห้องโถงขนาดยาวกว่า 40 เมตร ตกแต่งหรูหราด้วยกระจกเงาบานใหญ่ โคมไฟคริสตัลขนาดยักษ์ และจิตรกรรมเพดานแสดงความรุ่งเรืองของจักรวรรดิ ใช้สำหรับงานเต้นรำ งานเลี้ยง และพิธีสำคัญทางราชการ เป็นหัวใจของพระราชวังที่รวมความโอ่อ่าและศิลปะไว้ในห้องเดียว

ห้องที่ 11 ห้องแกลเลอรีขนาดเล็ก (Small Gallery) ห้องโถงขนาดเล็กกว่าห้องแกลเลอรีใหญ่ แต่ตกแต่งอย่างประณีตในโทนทอง-ขาว ใช้สำหรับการพบปะส่วนพระองค์ งานเลี้ยงกลุ่มเล็ก หรือคอนเสิร์ตส่วนตัว ให้บรรยากาศอบอุ่นและใกล้ชิดกว่าห้องใหญ่

ห้องที่ 12 ห้องจีนทรงกลม (Round Chinese Cabinet) ห้องตกแต่งสไตล์ตะวันออกด้วยภาพพิมพ์และเครื่องลายครามจีนโบราณ ผนังโค้งล้อมรอบด้วยภาพวาดจิ๋วแนวตะวันออกบนพื้นไม้พะยูงเข้ม เป็นห้องเก็บของล้ำค่าและจัดการประชุมลับ เป็นตัวอย่างของรสนิยมตะวันออกในราชสำนักออสเตรีย

ห้องที่ 13 ห้องจีนทรงวงรี (Oval Chinese Cabinet) คล้ายห้องทรงกลมแต่มีรูปทรงวงรี ผนังประดับด้วยงานศิลป์จีนแท้ ทั้งภาพพิมพ์ พัด และลายพู่กันโบราณ เคยใช้เป็นที่จัดประชุมลับหรือสนทนาส่วนพระองค์ของมาเรีย เทเรซา สะท้อนถึงรสนิยมและความหลงใหลในวัฒนธรรมจีนของราชวงศ์

ห้องที่ 14 ห้องคารูเซล (Carousel Room) ห้องเชื่อมระหว่างโซนต่าง ๆ ของวัง มีชื่อจากจิตรกรรมบนผนังที่แสดงขบวนม้า ขบวนราชพิธี และฉากการละเล่นกลางแจ้ง บรรยากาศสงบ แฝงความหรูหราแบบบาโรก เป็นห้องที่เชื่อมโลกของพิธีการกับชีวิตประจำวันในราชวัง

ห้องที่ 15 ห้องม้า (Horses Room) เดิมเคยใช้เป็นห้องรับประทานอาหารในศตวรรษที่ 19 ชื่อห้องมาจากภาพจิตรกรรมผนังที่แสดงม้าและฉากล่าสัตว์หรือการแข่งม้า ใช้เป็นพื้นที่กึ่งทางการสำหรับการพบปะที่ไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก

ห้องที่ 16 ห้องกระจก (Hall of Mirrors / Mirror Room) ห้องที่มีชื่อเสียงจากการแสดงดนตรีของโมสาร์ทเมื่ออายุ 6 ปี ผนังเต็มไปด้วยกระจกเงาโบราณ กรอบทอง และจิตรกรรมเพดานแนวโรโคโค ห้องเล็กแต่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ เสียงเปียโน และบรรยากาศแห่งแรงบันดาลใจ

ห้องที่ 17 ห้องโรซาใหญ่ (Large Rosa Room) ห้องตกแต่งด้วยภาพวาดทิวทัศน์โดย Joseph Rosa จิตรกรชาวเวียนนา โทนสีสบายตา เน้นธรรมชาติ ภาพเขียนขนาดใหญ่แสดงฉากภูเขา ป่า แม่น้ำ และท้องฟ้า เป็นห้องพักสายตาและจิตใจของผู้มาเยือน

ห้องที่ 18 ห้องโรซาขนาดเล็กที่สอง (Second Small Rosa Room) คล้ายห้องโรซาใหญ่แต่มีขนาดเล็กลง ภาพวาดทิวทัศน์ในกรอบทองอ่อนเรียงกันอย่างประณีต ใช้เป็นห้องพักรอหรือห้องอ่านหนังสือเล็ก ๆ เงียบสงบและเปี่ยมด้วยรสนิยม

ห้องที่ 19 ห้องโคมไฟ (Lantern Room) ห้องที่ใช้เตรียมและเก็บโคมไฟและอุปกรณ์ให้แสงสว่างก่อนนำไปใช้ในห้องแกลเลอรี โคมทองสัมฤทธิ์ ขาตั้งเทียน และโคมแก้วใสบางแบบแขวนอยู่ทั่วห้อง เป็นศูนย์กลางเบื้องหลังความเปล่งประกายของพระราชพิธี

ห้องที่ 20 ห้องล่าสัตว์ (Hunting Room) ห้องที่ประดับด้วยภาพล่าสัตว์ กวางป่า เหยี่ยว และเครื่องล่าสัตว์โบราณ แสดงถึงวิถีชีวิตชนชั้นสูงในอดีต ใช้เป็นห้องพักผ่อนหรือสนทนาแบบไม่เป็นทางการ มีบรรยากาศอบอุ่นแบบชนบทแฝงความหรูหรา

--

หริ่นแนะนำคำบรรยายแต่ละห้อง ที่สำคัญ ของพระราชวังเชินน์บรุนน์ อ่านกันเพลินๆ ยาวๆ ค่า อาจจะไม่ได้เรียงตามลำดับห้องนะคะ

พระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีห้องที่เปิดให้เข้าชมประมาณ 45 ห้อง แต่ละห้องมีความสำคัญและความงดงามที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือคำบรรยายโดยละเอียดของห้องสำคัญบางส่วน

1 บันไดสีน้ำเงิน (Blue Staircase)

บันไดที่งดงามที่สุดในพระราชวัง นำไปสู่ห้องรับรองและห้องพักของราชวงศ์ "บันไดสีน้ำเงิน" หรือ Blue Staircase เป็นหนึ่งในจุดเด่นทางสถาปัตยกรรมภายในพระราชวังเชินบรุนน์ โดยทำหน้าที่เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่างชั้นล่างกับชั้นบนของพระราชวัง ซึ่งแต่เดิมใช้โดยราชวงศ์ฮับส์บูร์กและแขกผู้มีเกียรติในการเข้าสู่ห้องรับรองและห้องพิธีการต่าง ๆ

แม้ชื่อของห้องจะสื่อถึง "สีน้ำเงิน" แต่ในความเป็นจริง บันไดแห่งนี้ตกแต่งด้วยสีที่เปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัย ในช่วงของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ตัวบันไดประดับตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์ บาโรก (Baroque) และ โรโคโค (Rococo) ด้วยผนังสีอ่อน ประดับลวดลายปูนปั้นสีทองที่ซับซ้อน และโคมไฟระย้าแบบคริสตัลจำนวนมากที่ห้อยจากเพดานเพื่อเน้นบรรยากาศแห่งราชสำนัก

จุดเด่นของ Blue Staircase อยู่ที่ โครงสร้างแบบโถงสูงโปร่ง (double-height) ที่ให้ความรู้สึกอลังการ และราวบันไดเหล็กดัด ที่ประณีตและมีลวดลายดอกไม้ รวมถึงภาพจิตรกรรมฝาผนัง และงานปูนปั้นที่แสดงถึงชัยชนะและพระเกียรติของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ในสมัยศตวรรษที่ 18 บันไดนี้ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ยังถูกใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น การต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง หรือพิธีสำคัญต่าง ๆ ที่มีการเดินลงบันไดอย่างเป็นทางการ ซึ่งแสดงถึงศักดิ์ศรีและความโอ่อ่าของจักรวรรดิออสเตรีย

2 ห้องบิลเลียด (Billiard Room) ใช้เป็นห้องรอสำหรับข้าราชการและนายทหาร ภายในมีโต๊ะบิลเลียดขนาดใหญ่และภาพวาดเกี่ยวกับกองทัพ

ห้องบิลเลียด ตั้งอยู่ในโซนด้านหน้าใกล้กับทางเข้า Blue Staircase ของพระราชวังเชินบรุนน์ เป็นหนึ่งในห้องที่แสดงให้เห็นถึงชีวิตทางสังคมของราชวงศ์ฮับส์บูร์กในช่วงศตวรรษที่ 18-19

เดิมทีห้องนี้ถูกใช้เป็น ห้องรับรองกึ่งไม่เป็นทางการ สำหรับแขกผู้มาเยือน รวมทั้งขุนนาง ข้าราชการ หรือนายทหารระดับสูงที่รอเข้าเฝ้าจักรพรรดิหรือจักรพรรดินี โดยเฉพาะในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ

โต๊ะบิลเลียดไม้โอ๊คขนาดใหญ่ อยู่กลางห้อง เป็นจุดเด่นของห้องนี้ โต๊ะนี้ไม่ได้ใช้เพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ “การรอคอยอย่างมีระดับ” ในราชสำนัก

ผนังห้องบุด้วยไม้เนื้อเข้ม ผสมผสานกับกระจกเงาและเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลัก ทำให้ห้องมีบรรยากาศเคร่งขรึมแต่หรูหรา

โคมไฟระย้าแบบคริสตัล ให้แสงนวลอบอุ่น เพิ่มความงามในช่วงค่ำ

ภาพวาดบุคคลสำคัญทางทหาร ประดับรอบห้อง โดยเฉพาะในยุคที่จักรวรรดิออสเตรียมีความเข้มแข็งด้านกองทัพ

มีบันทึกว่าในช่วงเวลาที่จักรพรรดิไม่อยู่ กลุ่มข้าราชการหรือทูตต่างชาติจะใช้ห้องนี้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแม้กระทั่งหารือเชิงการเมืองอย่างไม่เป็นทางการ

จักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) เคยผ่านห้องนี้เป็นประจำก่อนขึ้นสู่ห้องส่วนพระองค์

3 ห้องทรงงานของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ (Emperor Franz Joseph’s Study) ห้องทำงานส่วนตัวของจักรพรรดิ ประดับด้วยภาพถ่ายครอบครัวและของที่ระลึกส่วนตัว

ห้องทรงงานของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ เป็นหนึ่งในห้องที่สะท้อนบุคลิก ความเป็นระเบียบ และความอุทิศตนอย่างสูงของจักรพรรดิที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรีย (1848-1916) ได้อย่างชัดเจนที่สุด ห้องนี้ตั้งอยู่ในปีกตะวันตกของพระราชวังเชินบรุนน์ และเคยเป็นพื้นที่ที่พระองค์ใช้ในการทำงานประจำวันอย่างเคร่งครัด

เฟอร์นิเจอร์เน้นความเรียบง่ายและการใช้งาน แตกต่างจากห้องอื่นที่มักตกแต่งอย่างหรูหรา ห้องนี้สะท้อนรสนิยมส่วนตัวของจักรพรรดิ ซึ่งโปรดความสมถะและเป็นแบบแผน

โต๊ะทรงงานไม้สีน้ำตาลเข้ม พร้อมเก้าอี้หนังแบบโบราณ ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง รับแสงธรรมชาติ

ภาพถ่ายครอบครัว เช่น จักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) และพระโอรส (เจ้าชายรูดอล์ฟ) วางไว้บนโต๊ะและฝาผนัง สะท้อนความผูกพันทางครอบครัว แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม

รูปพระแม่มารี และกางเขนไม้ อยู่ในห้องอย่างเด่นชัด สะท้อนถึงความศรัทธาทางศาสนาอันลึกซึ้งของพระองค์

เก้าอี้ไม้เล็กหลายตัว จัดเรียงไว้อย่างมีระบบ เพื่อรองรับข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้าในเวลางาน

ลักษณะนิสัยและกิจวัตรของจักรพรรดิที่สะท้อนในห้องนี้:

จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟขึ้นทรงงาน เวลา 4.00 น. ทุกวันโดยไม่เว้นวันหยุด และทำงานตลอดทั้งวัน เขียนเอกสาร ตรวจราชการ และอ่านรายงานด้วยพระองค์เอง

พระองค์ ไม่โปรดการตกแต่งฟุ่มเฟือย และเลือกใช้ของที่จำเป็นเท่านั้น สะท้อนความเคร่งครัดในวินัยและความจงรักภักดีต่อหน้าที่ของตน

พระองค์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องนี้ โดยมีบันทึกว่าแม้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต พระองค์ก็ยังทรงงานอย่างไม่ขาด

ห้องนี้ยังเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1916 หลังทรงงานจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต ทำให้ที่นี่ไม่เพียงเป็นห้องทรงงาน แต่ยังเป็น สัญลักษณ์ของความเสียสละและความมั่นคง แห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก

ห้องนี้จึงเป็นหนึ่งในจุดที่ผู้มาเยือนหลายคนรู้สึกประทับใจที่สุด เพราะไม่ได้มีเพียงความงามเชิงศิลป์ แต่ยังเต็มไปด้วยพลังของ “ชีวิตจริง” และ “จิตวิญญาณของจักรพรรดิผู้รับผิดชอบในหน้าที่อย่างที่สุด”

4 ห้องแกลเลอรีขนาดเล็ก (Small Gallery) ใช้สำหรับจัดงานบันเทิงของราชสำนัก ตกแต่งด้วยภาพวาดและกระจกเงาคริสตัล

ห้องแกลเลอรีขนาดเล็ก (Small Gallery) เป็นห้องโถงที่งดงามอ่อนช้อยแห่งหนึ่งของพระราชวังเชินบรุนน์ ถูกออกแบบในสไตล์ โรโคโค (Rococo) ที่หรูหราแต่ไม่โอ่อ่าจนเกินไป โดยใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงและแสดงงานบันเทิงในโอกาสพิเศษ เช่น คอนเสิร์ต งานเลี้ยงน้ำชา หรือพิธีภายในครอบครัวของราชวงศ์
ห้องนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ ห้องแกลเลอรีใหญ่ (Great Gallery) ซึ่งใช้จัดงานพิธีสำคัญระดับจักรวรรดิ ขณะที่ Small Gallery มีบรรยากาศที่เป็นกันเองกว่าและขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับงานที่ใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ผนังตกแต่งด้วยกระจกเงาและกรอบปูนปั้นลวดลายสีทอง ที่เป็นแบบฉบับของศิลปะโรโคโค ผสมผสานกับโทนสีขาวครีม สร้างความรู้สึกสง่างามแต่ละมุนละไม

เพดานห้องตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่แสดงฉากจากเทพปกรณัมกรีก หรือการเฉลิมฉลองเชิงสัญลักษณ์ โดยศิลปินแห่งราชสำนัก

โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดกลาง ห้อยจากเพดาน สะท้อนแสงกับกระจกเงา ทำให้ห้องเปล่งประกายเมื่อเปิดแสงเทียนหรือไฟ

ห้องนี้เคยใช้จัดการแสดงดนตรีในสมัยของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา โดยมีวงออเคสตราขนาดเล็กเข้าร่วม

มีการบันทึกว่าห้องนี้ถูกใช้ในการจัดงานเลี้ยงสำหรับแขกคนสำคัญของราชวงศ์ เช่น ราชวงศ์จากต่างประเทศ หรือรัฐบุรุษระดับสูง

แม้จะไม่ใช่ห้องขนาดใหญ่ แต่ความวิจิตรของศิลปะและการออกแบบในห้องนี้แสดงให้เห็นถึงรสนิยมของราชสำนักออสเตรียในยุครุ่งเรือง

เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เข้าชมที่ชอบถ่ายภาพ เพราะมีมุมสะท้อนแสงและองค์ประกอบศิลป์ที่ลงตัวมาก

Small Gallery จึงเปรียบเหมือน "ห้องแห่งศิลป์และเสียงเพลง" ที่หลอมรวมความงาม ความละเมียดละไม และวัฒนธรรมราชสำนักเอาไว้ในพื้นที่อันอบอุ่น

5 ห้องจีนทรงกลม (Round Chinese Cabinet) ห้องตกแต่งด้วยศิลปะจากจีนและญี่ปุ่น ใช้เป็นที่ประชุมลับของมาเรีย เทเรซา

ห้องจีนทรงกลม (Round Chinese Cabinet) เป็นหนึ่งในห้องที่งดงามและมีบรรยากาศลึกลับที่สุดในพระราชวังเชินบรุนน์ ห้องนี้สะท้อนถึง “กระแสนิยมจีน” (Chinoiserie) ที่แพร่หลายในราชสำนักยุโรปช่วงศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะในสมัยจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ซึ่งมีความหลงใหลในศิลปะและวัตถุตะวันออกอย่างมาก

ห้องนี้เป็นห้อง ทรงกลมขนาดเล็ก ซึ่งแตกต่างจากห้องทั่วไปในพระราชวังที่มักเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ผนังทั้งห้องตกแต่งด้วยกระเบื้องไม้และกระดาษภาพวาดจากจีนและญี่ปุ่น ที่นำเข้ามาโดยตรงจากเอเชียในยุคนั้น มีลวดลายแสดงถึงธรรมชาติ นก ดอกไม้ และวิถีชีวิตชาวจีน

กรอบลายปูนปั้นสีทอง ล้อมรอบงานศิลป์อย่างปราณีต เสริมความหรูหราให้กับศิลปะตะวันออกอย่างลงตัวกับศิลปะยุโรป

โต๊ะไม้ทรงกลมตรงกลางห้อง พร้อมเก้าอี้บุผ้าลายจีนโบราณ ใช้สำหรับประชุมหรือสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว

ห้องนี้ไม่ได้เป็นแค่ห้องตกแต่งเพื่อความงามเท่านั้น แต่ยังถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับ การประชุมลับของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา กับที่ปรึกษาส่วนพระองค์

ด้วยความเป็น “ห้องปิด” ที่มีเพียงประตูทางเข้าเล็ก ๆ และไม่มีหน้าต่าง ห้องนี้จึงเหมาะสำหรับการเจรจาที่ต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว

ว่ากันว่า แผนการทางการเมืองสำคัญหลายเรื่อง ถูกกำหนดขึ้นในห้องนี้

ให้ความรู้สึกสงบ ลึกลับ และศักดิ์สิทธิ์ ด้วยบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์

การผสมผสานศิลปะจากสองวัฒนธรรม—จีนและยุโรป—สะท้อนให้เห็นถึงความเปิดกว้างทางวัฒนธรรมของราชสำนักออสเตรียในยุคนั้น

ห้องนี้จึงไม่เพียงเป็นตัวอย่างของการตกแต่งแบบชิโนวาเซรี่อันวิจิตร แต่ยังเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและบรรยากาศที่ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในราชสำนักแห่งความลับของจักรพรรดินี

6 ห้องจีนทรงวงรี (Oval Chinese Cabinet) คล้ายกับห้องจีนทรงกลม แต่มีรูปทรงเป็นวงรี ตกแต่งด้วยศิลปะตะวันออก

ห้องจีนทรงวงรี (Oval Chinese Cabinet) เป็นอีกหนึ่งห้องขนาดเล็กในพระราชวังเชินบรุนน์ ที่สะท้อนความนิยมในศิลปะและวัตถุจากตะวันออกในยุคศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะความหลงใหลของราชวงศ์ฮับส์บูร์กในศิลปะจีนและญี่ปุ่น
ห้องนี้คล้ายคลึงกับ “ห้องจีนทรงกลม (Round Chinese Cabinet)” แต่มี รูปทรงวงรี และการตกแต่งที่หรูหรากว่า ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว หรือจัดการประชุมอย่างลับ ๆ ในหมู่ราชวงศ์และขุนนางใกล้ชิด

ผนังห้องบุด้วย แผ่นไม้แกะสลักลวดลาย และ แผ่นกระดาษพิมพ์ภาพวาดจากจีน ที่หายาก ตกแต่งด้วยภาพวิถีชีวิตชาวจีน ต้นไม้ ดอกไม้ นก และสัญลักษณ์แห่งความโชคดี

มี ชั้นวางของตกแต่งด้วยเครื่องกระเบื้องลายคราม และ เครื่องเขินจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นของสะสมจากราชวงศ์

ล้อมรอบด้วย กรอบปูนปั้นลายดอกไม้สีทองอ่อน ในสไตล์โรโคโค

โต๊ะทรงรีบุผ้าผืนไหมจีนแท้ พร้อมเก้าอี้ขนาดเล็กสไตล์ฝรั่งเศสวางเรียงเป็นวงรอบกลางห้อง

จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา และจักรพรรดิฟรานซ์ สเตเฟน เคยใช้ห้องนี้สำหรับ หารือส่วนตัวหรือจัดประชุมระดับสูง ซึ่งไม่เป็นทางการมากนัก

ห้องนี้มีลักษณะคล้ายกับ "salon prive" หรือ "ห้องสภาส่วนพระองค์" ของราชวงศ์ฝรั่งเศสในยุคเดียวกัน

ห้องนี้ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และหรูหราในแบบ “สงบอย่างลึกซึ้ง” มีความสมดุลระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก ภายใต้บรรยากาศที่เป็นกันเองแต่เปี่ยมด้วยรสนิยมราชสำนัก

หากเปรียบพระราชวังเชินบรุนน์คือหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนึ่ง ห้องจีนทรงวงรีก็คือบทที่อบอวลด้วยความงาม ความลับ และศิลปะแห่งการทูตที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน

7 ห้องคารูเซล (Carousel Room) ทำหน้าที่เป็นห้องรับรองก่อนเข้าสู่แกลเลอรีใหญ่

ห้องคารูเซล (Carousel Room) เป็นห้องที่ตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณด้านหน้าของพระราชวังเชินบรุนน์ ซึ่งใช้เป็น ห้องรับรองก่อนเข้าสู่พื้นที่สำคัญอื่น ๆ ของพระราชวัง เช่น ห้องโถงทางการ หรือห้องรับแขกใหญ่ แม้ห้องนี้จะไม่ใหญ่โตเท่าห้องอื่น แต่ก็มีความสำคัญทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ราชวงศ์
ชื่อของห้อง “Carousel” หรือ “Karussell” นั้น สันนิษฐานว่ามาจาก จิตรกรรมฝาผนังและภาพพิมพ์ประดับภายในห้อง ที่แสดงถึงขบวนแห่ราชพิธี งานเฉลิมฉลอง และกิจกรรมกึ่งทหารของราชวงศ์ เช่น การแข่งม้า การแสดงกลางแจ้ง และขบวนพาเหรดแบบฝรั่งเศส ที่เรียกกันว่า “Carrousel” ในศตวรรษที่ 17-18 ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของคำว่า “ม้าหมุน” ในภายหลัง

ผนังห้องตกแต่งในสไตล์ โรโคโค (Rococo) ด้วยโทนสีอ่อนอย่างขาว ครีม และทอง

มี ภาพพิมพ์และภาพจิตรกรรมขนาดเล็ก ที่บรรยายเหตุการณ์ทางทหารและพิธีการ เช่น ขบวนราชรถ ม้า และนักรบในชุดเกราะประดับธง

เฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลายสีทอง ประดับตามมุมห้อง เช่น เก้าอี้ทรงฝรั่งเศส โต๊ะข้างขนาดเล็ก

กระจกเงาและโคมไฟระย้าคริสตัล ช่วยเสริมให้ห้องดูโปร่งและสว่างขึ้น แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก

ห้องนี้ทำหน้าที่เป็น ห้องโถงพักคอยของแขกสำคัญ ก่อนเข้าเฝ้าพระราชวงศ์ หรือร่วมในงานราชพิธี

ใช้สำหรับ การสนทนาเบื้องต้น หรือรอระหว่างพิธี เช่น การต้อนรับทูตต่างชาติ หรืองานเลี้ยงของราชวงศ์

เป็นห้องผ่านก่อนเข้าสู่พื้นที่สำคัญอื่น เช่น ห้องกระจก (Mirror Room) หรือ ห้องแกลเลอรีใหญ่ (Great Gallery)

แม้จะไม่หรูหราหรือวิจิตรที่สุดในพระราชวัง แต่ ห้องคารูเซลเปี่ยมด้วยเรื่องราวแห่งเกียรติยศของราชวงศ์ และแสดงถึง “โลกเบื้องหน้า” ของงานพิธีที่มีระเบียบ เปี่ยมไปด้วยแบบแผนและชั้นเชิง

เมื่อเดินเข้าห้องนี้ ผู้มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความคาดหวัง—ความรู้สึกก่อนเข้าสู่พระพักตร์จักรพรรดิหรือร่วมในเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์

ห้องกระจก (Mirror Room) ห้องที่มีการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกของโมสาร์ทเมื่ออายุ 6 ปี ตกแต่งด้วยกระจกเงาที่สะท้อนภาพกันและกัน

8 ห้องล้าน (Millions Room) ห้องที่มีการตกแต่งด้วยแผ่นไม้มะเกลือและภาพวาดขนาดเล็กจากอินเดียและเปอร์เซีย

“Millions Room” หรือ “ห้องล้าน” เป็นหนึ่งในห้องที่มีชื่อเสียงและหรูหราที่สุดของพระราชวังเชินบรุนน์ ไม่เพียงเพราะการตกแต่งอันงดงามเหนือระดับ แต่ยังได้ชื่อว่าเป็น ห้องที่มีมูลค่าสูงยิ่งในยุคศตวรรษที่ 18 — จนถูกเรียกขานว่า "ห้องล้าน" เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตกแต่งที่สูงจนน่าตกใจในยุคนั้น
ห้องนี้แสดงออกถึง รสนิยมส่วนพระองค์ของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมตะวันออก โดยเฉพาะงานศิลปะจากอินเดีย เปอร์เซีย และจีน และเป็นหนึ่งในห้องที่สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าชมมากที่สุด

ผนังห้องบุด้วย ไม้พะยูงสีเข้ม (rosewood) ที่หายากและนำเข้าจากต่างประเทศ มีลวดลายตามธรรมชาติที่งดงาม และถูกตัดแต่งให้เป็นแผ่นบาง ๆ จากต้นไม้เพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น

ฝังลงในผนังด้วย ภาพจิ๋วแนวเปอร์เซียและอินเดียจำนวน 60-70 ภาพ แต่ละภาพวาดด้วยมือบนกระดาษเก่าแก่ เป็นภาพของเจ้าชาย นักรบ ขุนนาง และชีวิตราชสำนักในเอเชียใต้

กรอบทองคำเปลว ล้อมรอบแต่ละภาพในสไตล์โรโคโคอย่างประณีต

เพดานห้องมี จิตรกรรมฝาผนัง สีอ่อน เพิ่มความนุ่มนวลและสมดุลให้กับห้องที่เน้นลวดลายเข้มข้น

ที่มาของชื่อ “Millions Room” มีบันทึกว่า การตกแต่งห้องนี้ใช้ค่าใช้จ่ายสูงระดับ “หลายล้านกุลเดน” (Gulden: สกุลเงินเก่าของจักรวรรดิออสเตรีย) ในยุคนั้นซึ่งถือเป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะภาพวาดจิ๋วจากอินเดียที่หายากและมีคุณค่าทางศิลปะสูงมาก ชื่อ “ห้องล้าน” จึงไม่ได้เกินจริง แต่เป็นการสะท้อนถึงความวิจิตรอันประเมินค่าไม่ได้ของงานศิลป์ภายใน

การใช้งานในอดีต เป็นห้องรับรองพิเศษของจักรพรรดินีและแขกคนสนิท ใช้สำหรับ การสนทนาส่วนตัวหรือการพักผ่อน เชื่อกันว่าเป็นห้องโปรดของมาเรีย เทเรซา ที่ใช้เป็นที่หลีกหนีจากพิธีการอันเคร่งครัด

ห้องนี้คือ สัญลักษณ์แห่งความหรูหราของราชสำนักออสเตรีย ทั้งในด้านศิลปะ ความมั่งคั่ง และวัฒนธรรมตะวันออก พบกับการผสมผสานที่กลมกลืนระหว่างศิลปะแบบยุโรปและตะวันออก ซึ่งถือว่าแหวกแนวอย่างมากในยุคศตวรรษที่ 18

ผู้มาเยือนมักหยุดอยู่ในห้องนี้นานกว่าห้องอื่น เพราะรายละเอียดที่มากจนต้องซึมซับทีละจุดอย่างละเอียด

9 ห้องก๊อบแลง (Gobelins Salon) ประดับด้วยพรมทอจากบรัสเซลส์ แสดงภาพฉากตลาดและท่าเรือ

ห้องก๊อบแลง (Gobelins Salon) เป็นหนึ่งในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างวิจิตรในพระราชวังเชินบรุนน์ โดยได้ชื่อตามสิ่งตกแต่งหลักของห้อง — นั่นคือ พรมทอลาย (Tapestries) อันหรูหราที่ผลิตโดยโรงงาน "Gobelins Manufactory" ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโรงงานราชสำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรปด้านการทอพรมและภาพผ้าในศตวรรษที่ 17-18

ผนังห้องประดับด้วยพรม Gobelins ขนาดใหญ่ ลวดลายแสดงฉากชีวิตประจำวันในยุโรปยุคบาโรก เช่น ตลาดกลางเมือง ท่าเรือ การตกปลา หรือการทำการเกษตร — ถ่ายทอดภาพวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสมจริงอย่างน่าทึ่ง

พรมเหล่านี้เป็นผ้าทอด้วยมือจากไหม ลินิน และขนสัตว์ โดยใช้เวลานานหลายปีในการสร้างสรรค์แต่ละชิ้น

เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักสีทอง บุด้วยผ้าทอลายเดียวกันกับพรม สร้างความกลมกลืนทั้งห้อง

เพดานทาสีขาวตกแต่งด้วยปูนปั้นลายใบไม้และดอกไม้ พร้อมโคมไฟระย้าคริสตัลกลางห้อง ให้แสงสะท้อนผิวนุ่มของพรมได้อย่างละมุนละไม

พื้นห้องเป็น ไม้ปาร์เกต์แบบคลาสสิก ตัดกับผนังสีอุ่น ๆ ทำให้พรมดูเด่นชัดยิ่งขึ้น

บทบาทและการใช้งานในอดีต ห้องก๊อบแลงถูกใช้เป็น ห้องรับรองแขกอย่างเป็นทางการของราชวงศ์ หรือบางครั้งเป็นห้องประชุมย่อยที่ใช้พูดคุยกับทูตหรือแขกจากต่างประเทศ ด้วยความงามของพรมและบรรยากาศที่ดูละเมียดละไม ห้องนี้จึงยังใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะและความสำเร็จของจักรวรรดิในด้านวัฒนธรรมอีกด้วย

เสน่ห์เฉพาะของห้อง Gobelins Salon ไม่เหมือนห้องอื่นที่เน้นกระจกหรือภาพวาดเฟรสโก ห้องนี้มีความ อบอุ่นและมีชีวิต ผ่านผืนผ้าทอที่เล่าเรื่องได้อย่างมีชีวิตชีวา พรม Gobelins ไม่ได้เป็นเพียงของตกแต่ง แต่ยังแสดงถึง ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชวงศ์ออสเตรียกับฝรั่งเศส ในยุคมาเรีย เทเรซา

ห้องนี้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบ ศิลปะแบบงานฝีมือ และต้องการสัมผัสความงามที่ “ไม่เปล่งประกายแต่ทรงคุณค่า” จากศตวรรษที่ 18 อย่างแท้จริง

10 ห้องพักของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) (Empress Elisabeth’s Bedroom)

ห้องพักของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (หรือ “ซิสซี”) เป็นหนึ่งในห้องส่วนพระองค์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากผู้มาเยือนพระราชวังเชินบรุนน์ ห้องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่พักผ่อนของจักรพรรดินี แต่ยังเป็น พื้นที่ที่สะท้อนถึงบุคลิกอันลึกซึ้ง ซับซ้อน และเป็นอิสระของซิสซี ได้อย่างเด่นชัด

ลักษณะการตกแต่ง เตียงไม้สไตล์บีเดอร์ไมเออร์ (Biedermeier) ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับบัลลังก์ของจักรพรรดินีทั่วไป ตกแต่งเรียบง่าย บ่งบอกถึงรสนิยมอ่อนโยนและไม่ฟุ่มเฟือยของซิสซี

ผ้าม่าน ผ้าปู และเครื่องนอน ใช้โทนสีอ่อน เช่น ฟ้าอ่อน ครีม หรือชมพูจาง ๆ ให้บรรยากาศสงบ สะท้อนความเป็นส่วนตัวและภาวะภายในใจของจักรพรรดินีที่มักหลีกหนีจากความวุ่นวายของราชสำนัก

โต๊ะเครื่องแป้งและกระจกบานสูง ที่ซิสซีใช้ดูแลตัวเองในทุกเช้า - พระนางมีชื่อเสียงในด้านความงามระดับตำนาน มีผมยาวถึงข้อเท้า และใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันในการแปรงผมและดูแลสุขภาพผิวพรรณ

ตู้หนังสือเล็ก ซึ่งเก็บงานเขียนและบทกวีส่วนพระองค์ รวมถึงหนังสือภาษากรีก ซึ่งเป็นภาษาที่พระนางโปรดอย่างยิ่ง

ผนังห้องตกแต่งด้วย ภาพถ่ายและจิตรกรรมของซิสซีและครอบครัว ซึ่งให้บรรยากาศอบอุ่นและส่วนตัวอย่างลึกซึ้ง

กิจวัตรในห้องพักของจักรพรรดินี ซิสซีตื่นแต่เช้าเพื่อออกกำลังกาย เดินเล่นในสวน หรือขี่ม้า และเมื่อกลับมาจะใช้เวลานานในการดูแลสุขภาพผิว ผม และรูปร่าง มีบันทึกว่า พระนาง ชั่งน้ำหนักตัวเองทุกวัน และเคร่งครัดเรื่องอาหารอย่างยิ่ง เพื่อรักษาหุ่นเพรียวบางซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ห้องนี้เป็นที่ซิสซี เขียนบันทึกและบทกวี ซึ่งหลายชิ้นสะท้อนความเหงา ความเบื่อหน่ายในพิธีการราชสำนัก และความปรารถนาในอิสรภาพ

เมื่อเดินเข้าสู่ห้องนี้ ผู้มาเยือนจะไม่เพียงเห็น “ห้องพักของจักรพรรดินี” หากแต่สัมผัสได้ถึง “ความเป็นมนุษย์” ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องแบกรับสถานะอันสูงส่งท่ามกลางความเหงา ความโดดเดี่ยว และแรงกดดันจากชีวิตในวัง ห้องนี้จึงไม่ได้สวยงามแค่ในเชิงศิลป์ แต่ยังเต็มไปด้วย อารมณ์ ลมหายใจ และบทกวีของจักรพรรดินีซิสซี ผู้เป็นหนึ่งในสตรีที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป

11 ห้องรับประทานอาหารของราชวงศ์ (Dining Room of the Imperial Family)

ห้องรับประทานอาหารของราชวงศ์ ภายในพระราชวังเชินบรุนน์ เป็นห้องที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่ง “พิธีการในชีวิตประจำวัน” ของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก โดยเฉพาะในสมัยของ จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ และ จักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) ที่ใช้ห้องนี้เป็นสถานที่รับประทานอาหารอย่างเป็นทางการร่วมกับสมาชิกในครอบครัว หรือแขกคนสำคัญ
แม้จะเป็น “ห้องส่วนตัว” ในบริบทของราชสำนัก แต่ทุกมื้ออาหารก็ยังเต็มไปด้วย ระเบียบแบบแผน ความเคร่งครัด และสัญลักษณ์ของอำนาจ อย่างชัดเจน

ลักษณะการตกแต่ง โต๊ะยาวกลางห้อง ทำจากไม้โอ๊คเนื้อแน่น แกะสลักลวดลายละเอียดงดงาม สามารถรองรับแขกได้มากกว่า 20 คน

เก้าอี้พนักสูงหุ้มผ้ากำมะหยี่ วางเรียงอย่างสมมาตร โดยตำแหน่งของแต่ละคนถูกกำหนดไว้อย่างเข้มงวดตามลำดับชั้นในราชวงศ์ เครื่องถ้วยชามกระเบื้องลายทอง (Royal porcelain) และ เครื่องเงินสลักตราราชวงศ์ จัดวางตามแบบแผนเฉพาะของจักรวรรดิ ผนังห้องประดับด้วย ภาพเขียนสีน้ำมันของสมาชิกในราชวงศ์ และจิตรกรรมแนว “Still Life” แสดงผลไม้ ดอกไม้ และอาหารแบบบาโรก เพื่อส่งเสริมบรรยากาศอันหรูหรา โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ ให้แสงอบอุ่นเหนือโต๊ะอาหาร พร้อมกระจกเงาบนผนังที่สะท้อนแสงเพิ่มความโอ่อ่า

ระเบียบมื้ออาหารในยุคจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ จักรพรรดิเข้ารับประทานอาหาร ตรงเวลาทุกมื้ออย่างเคร่งครัด หากแขกมาสายแม้ไม่กี่นาที จะไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมโต๊ะ พระองค์ทรงรับประทานอย่างรวดเร็วและไม่พูดคุยระหว่างมื้อ ถือว่า การกินคือหน้าที่ ไม่ใช่เวลาสำหรับสังสรรค์ ทุกคนต้องแต่งกายเต็มยศ แม้เป็นมื้อภายในครอบครัว

แม้จะเป็นห้องที่แสดงถึงความอบอุ่นของครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วย ระเบียบแบบทหาร ความเงียบงัน และอำนาจที่ไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด เมื่อเดินเข้ามาในห้องนี้ คุณจะสัมผัสได้ถึงความขรึม สงบ และความคมชัดของทุกองค์ประกอบ เหมือนทุกอย่าง “ถูกจัดวางไว้แล้ว” — ทั้งอาหาร ตำแหน่งคน และชะตากรรมของจักรวรรดิ

12 ห้องแกลเลอรีใหญ่ (Great Gallery)

ห้องแกลเลอรีใหญ่ (Great Gallery) คือ หัวใจแห่งความโอ่อ่าของพระราชวังเชินบรุนน์ และเป็นห้องที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากผู้มาเยือนทั่วโลก ด้วยขนาด ความอลังการ และความหรูหราของการตกแต่ง ห้องนี้ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นสถานที่จัดพิธีการสำคัญระดับจักรวรรดิ แต่ยังสะท้อนถึง พลังและอำนาจของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก อย่างแท้จริง

ขนาดห้อง ยาวประมาณ 43 เมตร กว้าง 10 เมตร เพดานสูงโปร่งให้ความรู้สึกโอ่โถง ผนังตกแต่งด้วย กระจกเงาบานใหญ่เรียงรายตลอดแนวห้อง สลับกับ เสาและกรอบปูนปั้นสีทอง สไตล์โรโคโค สะท้อนแสงจากโคมไฟระย้าคริสตัลได้อย่างงดงาม

เพดานประดับด้วย ภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ แสดงเรื่องราวของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก เช่น การปกครองอันชอบธรรม ความรุ่งเรืองของศิลปะและวัฒนธรรม โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดมหึมา 3 ช่อ ห้อยจากเพดาน ให้แสงอบอุ่นและสะท้อนเงากับพื้นไม้ปาร์เกต์ขัดเงา พื้นห้องเป็น ไม้ปาร์เกต์ลายเรขาคณิตซับซ้อน ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเต้นรำและงานฉลองยามค่ำคืน

บทบาทและการใช้งานในอดีต ห้องนี้ใช้จัด งานเลี้ยงพระราชทาน, งานเต้นรำ, คอนเสิร์ต และงานเลี้ยงทางการของราชวงศ์ จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซาเคยจัดงานเฉลิมฉลองต้อนรับราชอาคันตุกะระดับราชวงศ์ต่างชาติที่นี่ นโปเลียน โบนาปาร์ต เคยใช้ห้องนี้ในการจัดพิธีสถาปนารัฐบาลออสเตรียภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศสในช่วงคราวหนึ่งของประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยใหม่ ห้องนี้ยังคงใช้จัด งานเลี้ยงระดับชาติและดนตรีคลาสสิก เช่น คอนเสิร์ตของวงออเคสตราแห่งเวียนนา

ห้องนี้เปรียบเสมือน “ราชบัลลังก์ที่ไม่มีบัลลังก์” สถานที่ที่ความงามทางศิลปะ สถาปัตยกรรม และอำนาจการเมืองมาบรรจบกัน เมื่อคุณยืนอยู่กลางห้อง จะรู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปในค่ำคืนอันเรืองรองที่เหล่าขุนนางในชุดหรูหรากำลังวาดลวดลายร่ายรำท่ามกลางแสงเทียนและเสียงไวโอลิน

13 ห้องพักของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ (Emperor Franz Joseph’s Bedroom)

ห้องพักของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ เป็นหนึ่งในห้องที่สะท้อน ความสมถะและวินัยอันเคร่งครัด ของพระองค์ได้อย่างชัดเจนที่สุด แม้พระองค์จะเป็นจักรพรรดิผู้ครองราชย์ยาวนานถึง 68 ปีแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี แต่พระองค์ก็ยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย และให้ความสำคัญกับหน้าที่มากกว่าความหรูหรา

ลักษณะการตกแต่ง เตียงเหล็กสีดำเรียบง่าย ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับสถานะจักรพรรดิ ไม่มีหลังคาหรือผ้าม่านหรูหราเลยแม้แต่น้อย สะท้อนถึงการใช้ชีวิตที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ โต๊ะข้างเตียงเล็ก ๆ พร้อมโคมไฟตั้งโต๊ะแบบเรียบง่าย เป็นที่วางพระคัมภีร์ กางเขน และนาฬิกาพก เครื่องเรือนส่วนใหญ่เป็นไม้ธรรมดา ไม่ประดับทองหรือแกะสลักหรูหรา มีเพียงลายไม้ธรรมชาติและโทนสีอ่อน ภาพพระแม่มารีและไม้กางเขน อยู่เหนือหัวเตียง เป็นสัญลักษณ์ของศรัทธาในศาสนาคริสต์คาทอลิก ซึ่งพระองค์เคร่งครัดมาก ห้องนี้อยู่ติดกับ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ ซึ่งพระองค์ใช้ตลอดช่วงเช้าถึงบ่ายของแต่ละวัน

พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของพระองค์ จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ตื่นเวลา 4:00 น. ทุกวันโดยไม่เว้นแม้วันอาทิตย์หรือวันหยุด ทรงเริ่มวันด้วยการอาบน้ำเย็น อ่านหนังสือพิมพ์ และเริ่มทำงานราชการทันทีจากห้องทรงงานที่อยู่ติดกัน ไม่โปรดให้ข้าราชบริพารเข้ามารบกวน เว้นแต่เรื่องสำคัญ งานทุกอย่างจะจัดไว้เป็นตาราง และมีแบบแผนเป๊ะทุกวัน

ช่วงสุดท้ายของชีวิต จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ สิ้นพระชนม์ในห้องนี้เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 ขณะทรงอายุ 86 ปี หลังจากดำรงตำแหน่งจักรพรรดิยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรีย สิ้นพระชนม์บน เตียงเหล็กเรียบง่ายที่ยังคงอยู่ในห้องจนถึงปัจจุบัน เป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จนวาระสุดท้าย

ความรู้สึกเมื่อยืนอยู่ในห้องนี้ ผู้มาเยือนจำนวนมากกล่าวว่า ห้องนี้แม้ไม่หรูหรา แต่กลับทรงพลังอย่างยิ่ง เพราะเป็นห้องที่ถ่ายทอด “จิตวิญญาณของจักรพรรดิผู้มุ่งมั่น” ได้อย่างชัดเจน - ผู้อุทิศตนให้กับประเทศเหนือสิ่งอื่นใด คุณจะรู้สึกเหมือนได้สัมผัส "เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ" ผ่านความเรียบง่าย ความเหนื่อยล้า และความสงบอันแท้จริง

14 ห้องทรงงานของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) (Empress Elisabeth’s Study)

ห้องทรงงานของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (หรือ “ซิสซี”) เป็นหนึ่งในห้องส่วนพระองค์ที่บ่งบอกบุคลิกของพระนางได้ชัดเจนที่สุด — อิสระ เรียบง่าย ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่เงียบสงบซึ่งพระนางใช้เวลาอยู่เพียงลำพังเพื่อ อ่านหนังสือ เขียนบทกวี เขียนบันทึก และฝึกภาษา
จักรพรรดินีซิสซีเป็นที่รู้จักไม่เพียงแค่เพราะความงามเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจอ่อนไหว ปัญญาลึกซึ้ง และเป็นผู้หญิงที่รักการเรียนรู้อย่างยิ่ง โดยเฉพาะวรรณกรรมและภาษาต่างประเทศ

ลักษณะการตกแต่ง โต๊ะทรงงานไม้ขนาดเล็ก วางติดหน้าต่าง เพื่อให้แสงธรรมชาติลอดเข้ามา เหนือโต๊ะมีกล่องใส่กระดาษจดหมาย ปากกาขนนก และเครื่องเขียนโบราณ ชั้นวางหนังสือแบบติดผนัง เรียงรายด้วยหนังสือเล่มโปรดของซิสซี ทั้งวรรณกรรมเยอรมัน ฝรั่งเศส และกรีก (พระนางเรียนภาษากรีกด้วยตนเองจนพูดได้คล่อง) เก้าอี้บุผ้าลวดลายอ่อนหวาน โทนสีฟ้าอ่อนและครีม สร้างบรรยากาศสบายตาและสงบ ผนังห้องตกแต่งด้วย ภาพเขียนแนวพฤกษศาสตร์ หรือบทกวี ซึ่งพระนางอาจเคยคัดลอกด้วยพระองค์เอง มี นาฬิกาตั้งโต๊ะโบราณ และของประดับเล็ก ๆ เช่น กรอบรูปภาพครอบครัว

การใช้งานในอดีต จักรพรรดินีทรงใช้ห้องนี้เป็น พื้นที่สงบส่วนพระองค์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพิธีการราชสำนักใด ๆ พระนางเขียน บันทึกส่วนพระองค์และบทกวี มากมายในห้องนี้ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สะท้อนความเหงา ความคิดใคร่ครวญ และความเบื่อหน่ายต่อชีวิตราชสำนัก เป็นที่รู้กันดีว่า ซิสซีมีนิสัยรักสันโดษ และมักหลีกหนีจากชีวิตในวัง — ห้องนี้จึงเป็น “มุมเงียบแห่งจิตวิญญาณ” ของพระนาง

เมื่อยืนอยู่ในห้องนี้ ผู้มาเยือนหลายคนมักรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับ "ซิสซีในแบบที่ไม่มีใครเคยรู้จัก" — เธอไม่ใช่จักรพรรดินีบนแท่นสูง หากแต่เป็นหญิงสาวผู้หลงใหลบทกวี รักธรรมชาติ และใฝ่ฝันถึงเสรีภาพที่ชีวิตราชวงศ์ไม่อาจให้ได้

15 ห้องทรงเครื่องของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) (Empress Elisabeth’s Dressing Room)

ห้องทรงเครื่องของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (หรือ “ซิสซี”) เป็นหนึ่งในห้องที่สะท้อน ความงามอันเป็นตำนาน ของพระนางได้ชัดเจนที่สุด เพราะที่นี่คือสถานที่ที่ซิสซีใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันเพื่อดูแลรูปร่าง ผิวพรรณ และเส้นผม ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอภาคภูมิใจและให้ความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในชีวิตราชสำนัก

ลักษณะการตกแต่ง โต๊ะเครื่องแป้งไม้ขนาดใหญ่ มีบานกระจกสามด้าน (สามพับ) สำหรับการส่องได้รอบทิศ ตกแต่งด้วยกรอบทองประณีต ด้านบนโต๊ะมีขวดน้ำหอม พู่กัน แป้ง เครื่องสำอางแบบโบราณ และเครื่องประดับเล็ก ๆ วางอย่างมีระเบียบ หวีทองคำ และแปรงสำหรับผมยาว วางเรียงอย่างประณีตบนผ้ากำมะหยี่ มี เก้าอี้ตัวเล็กทรงกลม สำหรับช่างแต่งพระองค์ที่ช่วยหวีผมให้พระนาง ชั้นวางตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนัง แสดงชุดเดรสหลวงของจักรพรรดินี (แบบจำลอง) และรองเท้าส้นเตี้ยที่ออกแบบให้เหมาะกับเท้าเล็ก ๆ ของซิสซี

กิจวัตรความงามของจักรพรรดินีซิสซี พระนางมี เส้นผมยาวถึงข้อเท้า ซึ่งต้องใช้เวลา หวีและดูแลวันละ 2-3 ชั่วโมง โดยมีช่างส่วนพระองค์ทำหน้าที่นี้เพียงผู้เดียว ทรงใช้สูตรบำรุงผิวที่คิดค้นเอง เช่น ครีมน้ำมันดอกส้ม น้ำส้มสายชูผสมน้ำกุหลาบ หรือมาส์กหน้าด้วยไข่แดง ทุกวันจักรพรรดินีจะชั่งน้ำหนักตัวเองและออกกำลังกายอย่างเข้มงวดเพื่อรักษารูปร่าง ทรงโปรดสวมชุดเดรสรัดเอวแน่นมาก จนมีรอบเอวเล็กเพียง 50 เซนติเมตร — ซึ่งนับว่าเป็นรูปร่าง “ในอุดมคติ” ของยุควิกตอเรีย

เมื่อเข้าสู่ห้องทรงเครื่องของซิสซี จะสัมผัสได้ถึง ความละเมียดละไม ละเอียดอ่อน และความหมกมุ่นในความงาม ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการแต่งหน้า - แต่มันคือ เครื่องป้องกันจิตใจ ของหญิงสาวผู้แบกภาระความเป็นจักรพรรดินีไว้ตลอดชีวิต ห้องนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึง “รูปลักษณ์ภายนอก” ของซิสซี แต่ยังเผยให้เห็น “ความเปราะบางภายใน” ของหญิงสาวผู้แสวงหาเสรีภาพ ท่ามกลางโลกที่รายล้อมด้วยความคาดหวังและหน้าที่

16 ห้องออกกำลังกายของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) (Empress Elisabeth’s Exercise Room / Gymnasium)

ห้องออกกำลังกายของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) เป็นห้องที่หาได้ยากยิ่งในราชสำนักยุโรปยุคศตวรรษที่ 19 และสะท้อนถึงความ “ทันสมัยเกินยุค” ของจักรพรรดินีอย่างชัดเจน เพราะในขณะที่สตรีชนชั้นสูงในยุคนั้นส่วนใหญ่เน้นกิจกรรมสงบงามอย่างงานปักผ้าหรือนั่งจิบชา ซิสซีกลับยึดมั่นในกิจวัตรการออกกำลังกาย อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอเป็นพิเศษ

ลักษณะของห้องและการตกแต่ง ห้องขนาดกลาง มีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ติดตั้ง อุปกรณ์ออกกำลังกายไม้แบบโบราณ เช่น บาร์ไม้สำหรับพาดแขนหรือใช้ยืดกล้ามเนื้อ แหวนยิมนาสติกห้อยจากเพดาน บันไดผนัง (wall bars) ใช้สำหรับปีนหรือดึงตัว มีพรมปูพื้น และเบาะนุ่มสำหรับทำโยคะหรือการยืดกล้ามเนื้อ มุมห้องมี อุปกรณ์ชั่งน้ำหนัก และกระจกเงาบานสูง เพื่อให้ซิสซีสังเกตสรีระขณะออกกำลังกาย ตกแต่งเรียบง่าย ไม่มีลวดลายฟุ่มเฟือย เหมือนห้องในบ้านยุคใหม่มากกว่าพระราชวัง

กิจวัตรของจักรพรรดินีในห้องนี้ ซิสซีเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ในเวียนนา เชินบรุนน์ หรือขณะเดินทาง พระนางโปรด การยืดกล้ามเนื้อ โยคะยุคต้น ๆ (ตามแบบสรีรศาสตร์ยุโรป) และการปีนบาร์ นอกจากนี้ยังมีการเดินเร็วเป็นระยะทางไกล และบางครั้งก็ขี่ม้าติดต่อกันเป็นชั่วโมง ซิสซีเชื่อว่า “ความงามต้องมีวินัยและความพยายาม” ซึ่งสะท้อนในรูปร่างเพรียวบางที่พระองค์รักษาไว้จนถึงวัยกลางคน

ห้องออกกำลังกายนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่เพื่อความฟิตของร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็น “ที่หลบภัยทางจิตใจ” จากโลกแห่งพิธีการและสายตาของราชสำนัก
ในห้องนี้ ซิสซีเป็นเพียง “เอลิซาเบธ” — หญิงสาวที่อยากเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ปราศจากคอร์เซ็ตและกฎระเบียบใด ๆ

17 ห้องอาบน้ำส่วนพระองค์ของซิสซี (Empress Elisabeth’s Bathroom)

ห้องอาบน้ำส่วนพระองค์ของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ เป็นหนึ่งในห้องที่แสดงถึง “วิถีชีวิตเฉพาะตัวและทันสมัยล้ำยุค” ของพระนางได้อย่างชัดเจนที่สุด
ในยุคศตวรรษที่ 19 ห้องอาบน้ำในพระราชวังยังไม่ใช่สิ่งแพร่หลาย แม้แต่ในราชวงศ์ระดับจักรวรรดิ — แต่จักรพรรดินีซิสซีกลับเป็นผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับ สุขอนามัย ความสะอาด และการดูแลร่างกาย มากเป็นพิเศษ
ห้องนี้จึงไม่ใช่แค่พื้นที่ชำระล้างกาย แต่คือ ศาลาแห่งความสงบส่วนพระองค์ ของหญิงสาวผู้แบกรับความคาดหวังของทั้งราชสำนัก

ลักษณะการตกแต่ง ห้องมีขนาดกะทัดรัด ตกแต่งเรียบง่ายแต่สะอาดและเป็นระบบ มี อ่างอาบน้ำทองแดงหล่อขนาดใหญ่ ซึ่งใช้การเทน้ำอุ่นจากเหยือกทองเหลืองที่ตั้งอยู่ข้างอ่าง ผนังบุด้วย แผ่นไม้สีอ่อนหรือหินอ่อนเรียบ ๆ ช่วยเก็บความอบอุ่นและป้องกันความชื้น มุมห้องมี โต๊ะเครื่องสำอางเล็ก ๆ พร้อมขวดแก้วบรรจุน้ำดอกไม้ น้ำหอม น้ำแร่ และครีมสูตรพิเศษที่จักรพรรดินีใช้เฉพาะพระองค์ มี ม่านบางสีขาวและผ้าขนหนูปักอักษรย่อ “E” (Elisabeth) อย่างปราณีต หน้าต่างบานสูงเปิดรับแสงธรรมชาติ ทำให้ห้องดูอบอุ่นและปลอดโปร่ง

กิจวัตรด้านการดูแลตนเองของจักรพรรดินีในห้องนี้ ซิสซีอาบน้ำทุกวัน ซึ่งถือว่า ล้ำหน้า มากในยุคนั้น พระนางใช้น้ำผสมน้ำนม น้ำดอกส้ม น้ำแอปเปิล หรือน้ำสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ทรงใช้น้ำเย็นล้างหน้าในตอนเช้า และใช้มาส์กสูตรไข่แดง น้ำผึ้ง และนมในการบำรุงผิว ห้องนี้ยังใช้ในการ อบไอน้ำ และพักผ่อนเงียบ ๆ หลังออกกำลังกายและก่อนแต่งองค์

ห้องอาบน้ำส่วนพระองค์ของซิสซี เปรียบเสมือน “อาณาจักรเล็ก ๆ ที่ปลอดจากพิธีการและกฎของจักรวรรดิ” ที่นี่คือสถานที่ที่จักรพรรดินีเป็นตัวของตัวเองที่สุด ไม่มีราชองครักษ์ ไม่มีมงกุฎ ไม่มีคอร์เซ็ต มีเพียงสายน้ำและความเงียบสงบที่โอบล้อมตัวตนของผู้หญิงที่โลกจดจำในชื่อ ซิสซี

18 ห้องพักแขกของพระราชวงศ์ (Imperial Guest Room / State Guest Apartment)

ห้องพักแขกของพระราชวงศ์ ณ พระราชวังเชินบรุนน์ เป็นห้องที่เตรียมไว้สำหรับรองรับ ราชวงศ์ต่างชาติ, ผู้นำรัฐ, หรือแขกคนสำคัญระดับสูงสุด ที่ได้รับเกียรติให้เข้าพักภายในพระราชวัง ห้องนี้สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิออสเตรียในฐานะเจ้าภาพที่พร้อมต้อนรับแขกด้วย เกียรติยศ ศิลปะ และความสง่างาม อย่างที่สุด

ลักษณะการตกแต่ง เตียงคู่แบบจักรพรรดิ (Imperial twin bed) หัวเตียงแกะสลักด้วยไม้เคลือบทอง ประดับลายดอกไม้และสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ผ้าม่านกำมะหยี่สีแดงไวน์หรือทองอ่อน ทอดตัวจากเพดานลงมาห่มเหนือเตียง ให้บรรยากาศหรูหราและนุ่มนวล โต๊ะเขียนหนังสือและโต๊ะเครื่องแป้งไม้โอ๊ค พร้อมเก้าอี้บุนวมแกะลายทอง พรมทอมือ ลวดลายคลาสสิกเต็มพื้นที่ห้อง สอดคล้องกับวอลเปเปอร์ผ้าไหม ผนังห้องตกแต่งด้วย ภาพเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่ แสดงภาพวิวชนบทออสเตรีย หรือภาพพอร์ตเทรตของราชวงศ์ มี ตู้ใส่เครื่องดื่มชา/กาแฟและของว่าง (ในยุคนั้นคือชั้นขนมและผลไม้สด) ตั้งไว้ในมุมห้องอย่างงดงาม

ประสบการณ์การเข้าพักของแขกในอดีต แขกผู้เข้าพักในห้องนี้ได้รับการต้อนรับในฐานะ “บุคคลที่เทียบเท่าราชวงศ์” มักจะมี ขันชาพร้อมเครื่องเงิน จัดเสิร์ฟถึงห้อง รวมถึงมีข้าราชบริพารคอยรับใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ที่เคยเข้าพักรวมถึง: เจ้าชายแห่งราชวงศ์ปรัสเซีย, กษัตริย์อิตาลี, หรือแม้แต่นโปเลียน โบนาปาร์ต ในช่วงที่ออสเตรียตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสช่วงหนึ่ง

ห้องพักแขกของพระราชวงศ์มิได้มีไว้เพียงแค่เพื่อพักผ่อน หากแต่เป็น “แถลงการณ์เงียบ ๆ ของอำนาจและอารยะ” เพื่อแสดงถึงเกียรติที่ออสเตรียมีให้แก่แขก ความงดงามของเฟอร์นิเจอร์, ศิลปะการตกแต่ง, และบรรยากาศโดยรวม ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจแรกพบ และรักษาเกียรติของทุกฝ่ายในระดับจักรวรรดิ

19 ห้องรับรองข้าราชการ (Audience Waiting Room / Officials’ Antechamber)

ห้องรับรองข้าราชการ ภายในพระราชวังเชินบรุนน์ คือห้องที่จัดไว้สำหรับ ข้าราชการ ทูต นายทหาร และแขกผู้ใหญ่ ที่ได้รับการอนุญาตให้เข้าเฝ้าจักรพรรดิหรือจักรพรรดินี เป็น “ห้องก่อนเข้าเฝ้า” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบราชสำนักที่มีลำดับชั้นชัดเจนและเคร่งครัด

ตกแต่งในโทนที่ สง่างามแต่ไม่ฟุ่มเฟือย สื่อถึงบรรยากาศ “กึ่งเป็นทางการ” เก้าอี้พนักสูงเรียงรายตามผนัง สำหรับให้แขกนั่งรอเรียกเข้าเฝ้า โดยจัดวางอย่างมีระเบียบตามสถานะ มี โต๊ะกลางไม้โอ๊คหรือไม้มะฮอกกานี วางหนังสือพิมพ์ เอกสาร หรือรายชื่อแขก ผนังอาจตกแต่งด้วย ภาพพอร์ตเทรตของจักรพรรดิในท่าทางสง่างาม หรือแสดงฉากชัยชนะของกองทัพออสเตรีย มุมห้องมี นาฬิกาตั้งพื้นโบราณ ที่บอกเวลาการเข้าเฝ้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในราชสำนักที่ตรงต่อเวลาอย่างยิ่ง โคมไฟแขวนกลางห้องหรือแชนเดอเลียร์ให้แสงนวล และสะท้อนความหรูหราแบบยับยั้งชั่งใจ

หน้าที่ของห้องและการใช้งานในอดีต ใช้เป็นพื้นที่สำหรับ รอเข้าเฝ้าจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเคร่งครัดเรื่องเวลา — หากใครมาสายแม้ไม่กี่นาทีจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้า เป็นห้องที่ “เงียบที่สุด” ในวัง — ไม่มีการสนทนาดัง ไม่มีเสียงหัวเราะ เพราะทุกคนอยู่ในภาวะ “เตรียมพร้อมอย่างเป็นทางการ” บางวัน ข้าราชการระดับสูงอาจรอเป็นชั่วโมงเพื่อเข้าเฝ้าเพียงไม่กี่นาที ถือเป็นเรื่องปกติในราชสำนักออสเตรียที่เน้นพิธีการและลำดับชั้น

ห้องรับรองข้าราชการอาจไม่หรูหราเท่าห้องแกลเลอรีหรือห้องบรรทมของจักรพรรดิ แต่มีพลังอำนาจแฝงอยู่ใน “ความเงียบ” และ “ความเป๊ะ” ของระเบียบแบบแผน ที่นี่คือ “พื้นที่พักใจชั่วคราว” ของผู้ที่กำลังจะก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับศูนย์กลางอำนาจของจักรวรรดิ

20 ห้องนั่งเล่นของครอบครัวราชวงศ์ (The Imperial Family's Salon / Family Drawing Room)

ห้องนั่งเล่นของครอบครัวราชวงศ์ เป็นหนึ่งในไม่กี่ห้องในพระราชวังเชินบรุนน์ที่แสดงให้เห็นถึง “ชีวิตจริง” เบื้องหลังภาพลักษณ์ของจักรวรรดิ — เป็นพื้นที่ที่สมาชิกในราชวงศ์ฮับส์บูร์กใช้เวลาร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการ ห้องนี้มีบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ตรงกันข้ามกับห้องทางการอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยพิธีรีตอง

ตกแต่งด้วย เฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์บีเดอร์ไมเออร์ (Biedermeier) ซึ่งเรียบง่ายแต่มีความงดงามทางช่างฝีมือ โซฟาและเก้าอี้บุผ้าผืนอ่อน ลายดอกไม้หรือสีครีมเรียงล้อมโต๊ะกลาง ให้ความรู้สึกอบอุ่น โต๊ะเล็กทรงกลม วางหนังสือ บอร์ดเกม หรืองานฝีมือ เช่น งานปัก งานถัก ซึ่งจักรพรรดินีหรือพระธิดาทรงโปรด ผนังห้องตกแต่งด้วย ภาพครอบครัวหรือภาพวาดสีน้ำของธรรมชาติ ซึ่งพระโอรสธิดาทรงวาดด้วยพระองค์เองในบางภาพ พื้นปูด้วย พรมทอมือสีอ่อน และมี เปียโนแนวตั้ง สำหรับเล่นดนตรีในหมู่ครอบครัว

ห้องนี้ใช้สำหรับ พักผ่อน พูดคุย หรือทำกิจกรรมส่วนรวมของครอบครัว เช่น เล่นดนตรี ร้องเพลง อ่านหนังสือ หรือสอนหนังสือแก่พระโอรสธิดา จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ และจักรพรรดินีซิสซีแม้จะมีวิถีชีวิตที่เคร่งครัด แต่ในช่วงเวลาบ่ายหรือค่ำบางวัน ทั้งสองพระองค์และลูก ๆ ก็จะมาร่วมกันในห้องนี้ เด็ก ๆ ของราชวงศ์ (โดยเฉพาะเจ้าชายรูดอล์ฟ) เคยเรียนบทกวีหรือภาษาฝรั่งเศสกับครูพิเศษที่มาสอนในห้องนี้

ห้องนี้ไม่มีโคมไฟระย้าคริสตัลใหญ่ ไม่มีบัลลังก์ หรือผนังบุทอง แต่กลับอบอวลไปด้วย กลิ่นอายแห่งครอบครัว ความใกล้ชิด และอารมณ์อ่อนโยนของมนุษย์ธรรมดา คือห้องที่แสดงว่า แม้จะเป็นจักรพรรดิหรือจักรพรรดินี แต่ทุกคนก็ต้องการพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับเป็นตัวของตัวเอง และร่วมใช้เวลากับคนที่รัก

21 ห้องอ่านหนังสือของเจ้าชายรูดอล์ฟ (Crown Prince Rudolf’s Study / Reading Room)

ห้องอ่านหนังสือของเจ้าชายรูดอล์ฟ บุตรเพียงองค์เดียวของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ และจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี) คือห้องที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่ง ความเงียบขรึม ความรู้ และความใฝ่ฝันของเจ้าชายผู้เปี่ยมด้วยอุดมการณ์
ห้องนี้ไม่ได้เป็นเพียงห้องสำหรับเรียนหนังสือหรืออ่านตำรา แต่ยังเป็น “ที่หลบภัยทางปัญญา” สำหรับเจ้าชายรูดอล์ฟ ผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์ทันสมัยและแนวคิดก้าวหน้าเกินยุคสมัย

โต๊ะเขียนหนังสือไม้สักหรือมะฮอกกานี ตั้งอยู่กลางห้อง หันหน้าออกหน้าต่างเพื่อรับแสงธรรมชาติ ชั้นวางหนังสือไม้บิลต์อิน เรียงรายไปทั่วห้อง จัดหมวดหมู่ชัดเจน ทั้งวรรณคดี ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการเมือง บนโต๊ะมี กล้องจุลทรรศน์ขนาดเล็ก แว่นขยาย ปากกาขนนก และเอกสารทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสะท้อนความสนใจของเจ้าชายในด้านชีววิทยาและธรรมชาติวิทยา มี รูปปั้นสัตว์ตัวเล็ก ๆ และตัวอย่างแมลงที่เจ้าชายสะสมตั้งแสดงไว้ในตู้กระจก ผนังตกแต่งด้วย แผนที่โลก แผนที่ยุโรป และภาพสเก็ตช์ของนักคิดในยุคเรืองปัญญา (Enlightenment)

พระองค์มีความสนใจอย่างลึกซึ้งในด้าน วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา และแนวคิดเสรีนิยม ทรงอ่านหนังสือหลากหลายภาษา และมักเขียนบันทึกส่วนตัวเกี่ยวกับการเมือง สังคม และความขัดแย้งทางจริยธรรมของยุคนั้น ห้องนี้คือสถานที่ที่พระองค์ได้ใช้เวลาครุ่นคิด เขียนบทความ และเรียนกับครูพิเศษ ซึ่งพระนางซิสซีจัดหาให้โดยเฉพาะ

ห้องอ่านหนังสือของเจ้าชายรูดอล์ฟเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึง “จิตวิญญาณของนักคิดในร่างของเจ้าชาย” — ผู้แบกรับความหวังของราชวงศ์ แต่กลับรู้สึกแปลกแยกจากอำนาจดั้งเดิมของจักรวรรดิ ที่นี่คือห้องที่เต็มไปด้วย “เสียงเงียบของการตั้งคำถาม” และ “แสงอ่อนของความรู้ที่กำลังผลิบาน”

22 ห้องเรียนของพระโอรสธิดา (The Imperial Children’s Classroom)

ห้องเรียนของพระโอรสธิดา เป็นหนึ่งในห้องที่น่าสนใจที่สุดภายในพระราชวังเชินบรุนน์ เพราะเป็น “พื้นที่แห่งการเรียนรู้” สำหรับพระราชโอรสธิดาแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก โดยเฉพาะเจ้าชายรูดอล์ฟ ซึ่งเป็นรัชทายาทองค์เดียวของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ และจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (ซิสซี)
ห้องนี้ไม่ได้มีลักษณะเป็นโรงเรียนแบบเปิดกว้างเหมือนที่เราคุ้นเคย แต่เป็น “ห้องเรียนในวัง” ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบ สะท้อนถึงแนวทางการศึกษาของราชวงศ์ในยุคศตวรรษที่ 19 ที่ เคร่งครัด มีแบบแผน และให้ความสำคัญกับคุณธรรม ความรู้ และภาษา

โต๊ะเรียนไม้เรียงกันเป็นแถว คล้ายโรงเรียนสไตล์คลาสสิก พร้อมช่องเก็บสมุด หนังสือ และอุปกรณ์การเรียน โต๊ะครูตั้งอยู่ด้านหน้าห้อง พร้อมกระดานดำและแผนภูมิติดผนัง เช่น แผนที่ภูมิศาสตร์ แผนผังร่างกายมนุษย์ ตารางธาตุเบื้องต้น ผนังห้องตกแต่งด้วย ภาพเหมือนของนักปราชญ์ เช่น อริสโตเติล กาลิเลโอ หรือศิลปินในยุคเรอเนสซองส์ มี ลูกโลกจำลอง และ กล้องส่องทางไกล / กล้องดูดาว ซึ่งสะท้อนความทันสมัยของการเรียนในยุคนั้น ห้องใช้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างขนาดใหญ่ ร่วมกับโคมไฟตั้งโต๊ะในบางจุด

เนื้อหาที่พระโอรสธิดาเรียน ภาษา: เยอรมัน ฝรั่งเศส ละติน กรีก และในกรณีของเจ้าชายรูดอล์ฟ ยังมีภาษาอังกฤษและฮังการี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์ รวมถึงศาสนาและมารยาทราชสำนัก พลศึกษาและดนตรี ก็ถูกรวมไว้ในการเรียน แม้จะไม่ใช่หัวใจหลัก ครูของพระโอรสธิดามักเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง เช่น ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเวียนนา หรือนักวิชาการของราชสำนัก

ห้องนี้เต็มไปด้วยความเงียบและความคาดหวัง เด็ก ๆ มิใช่เพียงแค่ลูกของพ่อแม่ธรรมดา หากแต่เป็น “ผู้สืบทอดจักรวรรดิ” การเรียนรู้ในห้องนี้จึง เข้มข้นเป็นพิเศษ และถูกกำหนดขึ้นอย่างมีระบบระเบียบ เพื่อปลูกฝังทัศนคติแห่งผู้นำ

หากคุณได้ยืนอยู่ในห้องนี้ จะสัมผัสได้ถึงพลังที่แปลกประหลาดระหว่าง ความไร้เดียงสาในวัยเยาว์ กับ ภาระหนักอึ้งของอนาคตทางการเมือง
นี่คือห้องเรียนที่ปั้น “จักรพรรดิและจักรพรรดินีในอนาคต” ด้วยหมึก ปากกา และเสียงเงียบของความคาดหวัง

23 ห้องสมุดของราชวงศ์ (The Imperial Library / Private Royal Library)

ห้องสมุดของราชวงศ์ ณ พระราชวังเชินบรุนน์ เป็นดั่งขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่เก็บงำไว้เบื้องหลังม่านทองของจักรวรรดิ — ห้องนี้เป็นห้องส่วนพระองค์ที่ใช้สำหรับ การศึกษาค้นคว้า การอ่านหนังสือ และการครุ่นคิด ของพระราชวงศ์ออสเตรีย ทั้งจักรพรรดิ จักรพรรดินี และพระโอรสธิดา
ไม่ใช่ห้องสมุดขนาดใหญ่แบบห้องสมุดแห่งชาติ แต่เป็นห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการใฝ่รู้ ความลึกซึ้ง และความสงบที่หรูหราอย่างนุ่มนวล

ผนังทั้งสี่ด้านของห้องบุด้วย ชั้นหนังสือไม้โอ๊คหรือไม้มะฮอกกานี สูงจรดเพดาน มีบันไดเลื่อนขนาดเล็กสำหรับหยิบหนังสือชั้นบน หนังสือหุ้มปกหนังเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บางเล่มเป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก หรือเป็นเอกสารต้นฉบับจากยุคเรอเนสซองส์และยุคตรัสรู้ (Enlightenment) โต๊ะอ่านหนังสือกลางห้อง พร้อมเก้าอี้พนักสูงหุ้มผ้า มีโคมตั้งโต๊ะแบบคลาสสิก และที่วางปากกาขนนก มุมห้องมี นาฬิกาตั้งพื้น และ ลูกโลกจำลองทางดาราศาสตร์ เพดานประดับด้วย จิตรกรรมลวดลายดาวและแสงแห่งปัญญา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการศึกษาในราชสำนัก บางชั้นมีลิ้นชักเก็บเอกสารลับ รายงานทางการทูต และจดหมายจากราชวงศ์ยุโรปอื่น ๆ

ประเภทหนังสือที่พบในห้องนี้ วรรณกรรมคลาสสิก เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ปรัชญาและการเมือง เช่น งานของ Rousseau, Montesquieu, Kant ชีวประวัติ และบันทึกของกษัตริย์จากยุโรป วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ พฤกษศาสตร์ และแผนที่โลก บทกวี และงานเขียนส่วนพระองค์ของจักรพรรดินีซิสซี

เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องสมุดของราชวงศ์ คุณจะรู้สึกได้ทันทีถึง ความเงียบขรึมแบบสง่างาม เสียงกระซิบของหนังสือที่อายุหลายร้อยปีเหมือนกำลังเล่าเรื่อง
ไม่ใช่ห้องของอำนาจ แต่เป็น ห้องของความคิด ไม่ใช่ห้องของพิธีการ แต่เป็น ห้องของคำถามและคำตอบในใจ ของผู้ปกครองจักรวรรดิ

24 ห้องบรรเลงดนตรีของเด็ก ๆ (Children’s Music Room / Musikzimmer der kaiserlichen Kinder)

ห้องบรรเลงดนตรีของเด็ก ๆ เป็นอีกหนึ่งห้องเล็กในพระราชวังเชินบรุนน์ที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยเสียงหัวใจของวัยเยาว์ ห้องนี้เป็นสถานที่ที่พระโอรสธิดาแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์กได้ฝึกฝนดนตรี เรียนรู้จังหวะ เสียงเพลง และศิลปะแห่งอารมณ์ เป็นห้องที่ไม่ได้สร้างเพียงทักษะ หากแต่ปลูกฝัง รสนิยม ความอ่อนโยน และสมาธิ ซึ่งราชวงศ์ยุโรปในยุคศตวรรษที่ 18-19 ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ตกแต่งในบรรยากาศอบอุ่นด้วย เฟอร์นิเจอร์ไม้บีเดอร์ไมเออร์ และ ผ้าม่านสีอ่อน ที่ปล่อยแสงธรรมชาติเข้ามา ภายในมี เปียโนแนวนอน (fortepiano) ขนาดเล็ก, ไวโอลินสำหรับเด็ก, ฮาร์พ (harp) ขนาดจิ๋ว และเครื่องดนตรีพื้นฐานอื่น ๆ ผนังห้องตกแต่งด้วย ภาพวาดเด็กเล่นดนตรี หรือภาพของนักประพันธ์เพลงคลาสสิก เช่น Mozart, Haydn, Schubert ซึ่งล้วนมีสายสัมพันธ์กับราชสำนักออสเตรีย มุมห้องมี เก้าอี้นั่งเล่นสำหรับจักรพรรดินี ที่มักจะเสด็จมาฟังพระโอรสธิดาเล่นดนตรีในโอกาสพิเศษ

บทบาททางการศึกษาของห้องนี้ เด็ก ๆ เรียนทั้ง เปียโนพื้นฐาน ร้องเพลง และการอ่านโน้ต ตั้งแต่อายุยังน้อย บางวันมีครูดนตรีประจำราชสำนักมาสอนแบบตัวต่อตัว โดยเฉพาะเจ้าชายรูดอล์ฟซึ่งเล่นไวโอลินได้ในระดับดี ห้องนี้ยังใช้จัด การแสดงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เช่น ค่ำคืนดนตรีกับจักรพรรดินีซิสซี ผู้หลงใหลเสียงเพลง และเคยเล่นฮาร์พเป็นการส่วนพระองค์

แม้ไม่ใช่ห้องใหญ่โตโอ่อ่า แต่ ห้องบรรเลงดนตรีของเด็ก ๆ คือหัวใจที่เต้นในจังหวะที่เบาและไพเราะที่สุดของวัง — เสียงเปียโนเบา ๆ ผสมเสียงหัวเราะอาย ๆ ของเด็ก ๆ และสายตาอ่อนโยนของพระบิดาและพระมารดา เป็นห้องที่ “สร้างเสียง” แรกของศิลปะในหัวใจของผู้ที่จะเติบโตมาเป็นผู้นำแห่งยุโรป

25 ห้องบรรทมของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา (Empress Maria Theresa’s Bedroom)

ห้องบรรทมของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา เป็นห้องที่เปี่ยมด้วย ประวัติศาสตร์ ศักดิ์ศรี และอารมณ์ส่วนลึกของสตรีผู้นำแห่งจักรวรรดิออสเตรีย พระองค์ไม่เพียงเป็นจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นภรรยา แม่ของลูก 16 คน และเป็นผู้นำที่มีหัวใจอ่อนโยน
ห้องนี้จึงสะท้อนทั้ง อำนาจและความเป็นแม่ ได้อย่างงดงาม

ลักษณะการตกแต่ง เตียงบรรทมทรงสูงแบบบารอก (Baroque) ตกแต่งด้วยผ้าม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มหรือม่วงกุหลาบ ทอดยาวจากหลังคาเตียงลงมาคลุมรอบเตียงอย่างวิจิตร หัวเตียงแกะสลักไม้ลายราชวงศ์ บางครั้งประดับด้วยอักษรย่อ “MT” (Maria Theresia) ผนังห้องประดับด้วย ผ้าไหมทอลายดอกไม้สีทอง และ ภาพเขียนเหมือนของพระราชโอรสธิดา พร้อมกรอบทอง มีโต๊ะเล็กข้างเตียงวาง พระคัมภีร์ กางเขนเงิน และกล่องใส่จดหมายส่วนพระองค์ พรมทอมือ ปูทั่วห้องลวดลายฟลอรัลโทนอบอุ่น เพดานห้องมีจิตรกรรมแนวคลาสสิก แสดงสัญลักษณ์ของ "ความรักในครอบครัว" หรือ "ความเมตตาของราชินี"

ห้องนี้ไม่ใช่เพียงห้องบรรทม แต่ยังเป็นพื้นที่ที่จักรพรรดินี เขียนจดหมาย บันทึกความรู้สึก และเฝ้ารับสั่งกับพระราชบุตร ในยามค่ำ มีบันทึกว่าห้องนี้เป็น ที่สิ้นพระชนม์ของพระองค์ในปี ค.ศ. 1780 หลังจากที่ทรงงานมาตลอดชีวิตแม้ในช่วงบั้นปลาย ก่อนสิ้นพระชนม์ จักรพรรดินีได้รับศีลสุดท้ายจากบาทหลวงภายในห้องนี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงันและสง่างาม

ห้องบรรทมของมาเรีย เทเรซาให้ความรู้สึก ทั้งสงบและหนักแน่น เสมือนพื้นที่พักใจของราชินีผู้เป็นทั้งผู้นำแม่ทัพ และผู้หญิงธรรมดาที่รักครอบครัวสุดหัวใจ ผู้มาเยือนหลายคนกล่าวว่า ห้องนี้มีบรรยากาศ “เหมือนคำอธิษฐาน” — ไม่โอ่อ่าจนเย็นชา แต่เปี่ยมด้วยความอบอุ่นและอาลัย

26 ห้องรับรองนักดนตรีหรือศิลปิน (Musician and Artist Reception Room)

ห้องรับรองนักดนตรีหรือศิลปิน เป็นห้องพิเศษที่สงวนไว้สำหรับ การต้อนรับศิลปิน นักประพันธ์เพลง และแขกผู้มีฝีมือทางศิลปะ ที่ได้รับเชิญจากราชวงศ์ฮับส์บูร์กเข้าร่วมงานแสดงดนตรี วรรณกรรม หรือการแสดงในพระราชวัง
แม้จะไม่ได้มีชื่อเรียกเป็นทางการเท่าห้องอื่น ๆ แต่ห้องนี้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึง การเปิดกว้างทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิจารณญาณของราชวงศ์ออสเตรีย ได้อย่างชัดเจน

ตกแต่งในสไตล์โรโคโคหรือคลาสสิกเบา ๆ ด้วย เฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลายประณีต โซฟาและเก้าอี้หุ้มผ้าลายดอกไม้โทนอ่อน เรียงล้อมโต๊ะน้ำชา ผนังห้องตกแต่งด้วย ภาพพอร์ตเทรตของศิลปินในราชสำนัก เช่น Joseph Haydn, Antonio Salieri, Franz Schubert, และแน่นอน Wolfgang Amadeus Mozart มี เปียโนตั้งตรงหรือฮาร์พซิคอร์ด พร้อมโน้ตเพลงต้นฉบับตั้งโชว์อยู่บนขาตั้ง บางเวอร์ชันของห้องนี้อาจมี ขาตั้งวาดภาพและภาพสเก็ตช์ของศิลปินผู้เคยมาเยือน มุมห้องจัดแสดง ของขวัญจากศิลปิน เช่น ปากกาจุ่มหมึก จดหมายลายมือ หรือเครื่องประดับเล็ก ๆ ที่มอบแก่ราชวงศ์

การใช้งานในอดีต ใช้สำหรับ ต้อนรับนักดนตรีก่อนหรือหลังการแสดงในห้องกระจก (Mirror Room) หรือห้องแกลเลอรี บางครั้งจักรพรรดิหรือจักรพรรดินีทรง “พบปะส่วนพระองค์” กับศิลปินเพื่อแสดงความขอบคุณหรือพูดคุยถึงผลงาน ศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคโมสาร์ท มักได้รับเชิญเข้ามาที่ห้องนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด หรือแม้แต่ได้รับพระราชทานการอุปถัมภ์ในเวลาต่อมา

ห้องนี้ไม่ได้มีพลังของอำนาจหรือความศักดิ์สิทธิ์แบบห้องบรรทม แต่มีพลังของ แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ และเสรีภาพทางจิตใจ
ที่นี่คือ “ห้องแห่งเสียงเงียบของดนตรี” และ “บทสนทนาระหว่างสุนทรียะกับราชสำนัก” เมื่อเดินเข้าไป คุณจะรู้สึกเหมือนได้อยู่ในที่ที่ “ศิลปะได้รับการยกย่องเทียบเท่าบัลลังก์” เพราะในออสเตรียยุคทอง ศิลปินคือแขกกิตติมศักดิ์ที่ราชวงศ์ให้เกียรติอย่างสูง

27 ห้องกระจก (Mirror Room)

ห้องกระจก (Spiegelsaal) ของพระราชวังเชินบรุนน์ เป็นห้องขนาดกลางที่เงียบสงบแต่ทรงพลังอย่างลึกซึ้ง ทั้งในแง่ของสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ดนตรี ห้องนี้มีชื่อเสียงระดับโลกจากเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1762 เมื่อเด็กชายอัจฉริยะวัยเพียง 6 ขวบ นามว่า โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) ได้แสดงเปียโนครั้งแรกต่อหน้า จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ณ ห้องนี้เอง แม้จะไม่ใช่ห้องที่ใหญ่โตหรืออลังการที่สุดในวัง แต่ บรรยากาศ ความประณีต และความทรงจำที่สถิตอยู่ ทำให้ห้องกระจกเป็นหนึ่งในสถานที่ “ที่มีจิตวิญญาณที่สุด” ของพระราชวังเชินบรุนน์

ผนังตกแต่งด้วยกระจกเงาบานใหญ่ เรียงรายตลอดห้อง สะท้อนแสงและเงาอย่างสมมาตร และช่วยให้ห้องดูโปร่งกว้างมากกว่าขนาดจริง กรอบกระจกเป็น ไม้แกะสลักลายโรโคโค (Rococo) สีทอง ปราณีตแต่ไม่โอ่อ่า เพดานประดับจิตรกรรมฝาผนัง แสดงเทพในตำนานหรือฉากอุดมคติในสวรรค์แบบบาโรก โคมไฟระย้าคริสตัล แขวนอยู่กลางห้อง ทำให้ห้องดูเปล่งประกายยามต้องแสงเทียน พื้นห้องเป็น ไม้ปาร์เกต์ลายเรขาคณิตขัดเงา สะท้อนเงาของกระจกและผู้มาเยือนได้อย่างงดงาม

ห้องนี้เต็มไปด้วย ความสงบ ความลึก และเสียงของประวัติศาสตร์ แม้จะเป็นห้องเล็กเมื่อเทียบกับห้องแกลเลอรีใหญ่ แต่กลับ เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของศิลปะและอัจฉริยะ ที่ยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ เป็นห้องที่ให้ความรู้สึกเหมือน “โลกภายนอกหยุดหมุน” เหลือเพียงเสียงโน้ตดนตรี และเงาสะท้อนของเวลาที่ไม่เคยลบเลือน

ห้องกระจก (Mirror Room) หรือเรียกอีกอย่างว่า ห้องออดิชั่นของโมสาร์ท (Mozart’s Audition Room) เป็นหนึ่งในห้องที่มีชื่อเสียงที่สุดทางประวัติศาสตร์และดนตรี ไม่ใช่เพราะความใหญ่โตหรือหรูหราแบบห้องแกลเลอรี แต่เพราะเป็นสถานที่ซึ่ง โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) อายุเพียง 6 ขวบ ได้แสดงเปียโนต่อหน้าจักรพรรดินี มาเรีย เทเรซา เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1762 และเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

เหตุการณ์ในตำนาน การออดิชั่นของโมสาร์ท เพราะปี ค.ศ. 1762 โมสาร์ทในวัย 6 ขวบ พร้อมพี่สาว “นาเนอร์ล” ได้เดินทางมากับครอบครัวเพื่อแสดงดนตรีต่อราชสำนักออสเตรีย เมื่อได้ขึ้นแสดงในห้องนี้ โมสาร์ทเล่นเปียโนได้อย่างคล่องแคล่ว แม่นยำ และ ประพันธ์ดนตรีสด ๆ ต่อหน้าจักรพรรดินี เล่ากันว่า โมสาร์ท กระโดดขึ้นตักจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ด้วยความตื่นเต้นและไร้เดียงสาหลังจบการแสดง สร้างเสียงหัวเราะและความประทับใจแก่ราชสำนัก นับเป็นจุดเริ่มต้นของ การอุปถัมภ์จากราชวงศ์ และการเป็นที่รู้จักของโมสาร์ทในยุโรป

แม้จะไม่ใช่ห้องใหญ่ แต่ห้องกระจกมีพลังที่เปล่งประกายด้วย “แสงแห่งอัจฉริยะ” กระจกสะท้อนแสงเทียน เงาเปียโน และเสียงโน้ตแผ่วเบาราวกับยังคงลอยอยู่ในอากาศ ทำให้ที่นี่กลายเป็น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของดนตรีคลาสสิกในยุโรป ห้องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ห้องดนตรี” แต่คือ ห้องแห่งการกำเนิดของหนึ่งในอัจฉริยะทางดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

ติดต่อเราเพื่อจองบริการ / สอบถามข้อมูล
Tel: 083-035-9755
Email: netnapa.seeyouagain@gmail.com
Website: www.seeyouagain-europe.com
LINE ID: 004207289999999