ไปเที่ยวต่างประเทศใช้จ่ายเงินอย่างไรดี
ไปเที่ยวต่างประเทศใช้จ่ายเงินอย่างไรดี
บทความโดย วาวา ซี ยู อะเกน : บทความนี้ได้รีไรท์เนื้อหาจากบทความเดิม "มาเซอร์เบียใช้จ่ายเงินอย่างไร"
หากคุณจะไปเที่ยวต่างประเทศไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ใด เที่ยวทั่วโลก หมดปัญหากวนใจว่าจะใช้จ่ายเงินอย่างไรดี ขอแนะนำให้พกบัตรเดบิต ซึ่งเป็นบัตรเดบิต Travel Card สำหรับใช้จ่ายในต่างประเทศ โดยประเทศไทยมีหลายธนาคารได้ออกบัตรเดบิต Travel card ให้คุณเลือกใช้ แต่ขอแนะนำ 2 บัตรนี้สำหรับคนที่มองหาบัตรที่ใช้ได้ทุกเรทสกุลเงินและไม่ยุ่งยากแลกเงินผ่านแอพธนาคารล่วงหน้า ผู้เขียนแนะนำ 2 บัตรนี้เพราะใช้บัตรได้ทั่วโลก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าคุณจะไปประเทศใดและใช้จ่ายได้ทุกเรทสกุลเงิน ในขณะที่บัตรอื่นๆ จะมีการจำกัดสกุลเงินที่ใช้ได้และบัตรอื่นๆ ต้องยุ่งยากแลกเงินผ่านแอพธนาคารล่วงหน้า
ขอแนะนำ 2 บัตรเดบิต Travel Card
1.บัตร Journey ของธนาคารกสิกรไทย
คลิก https://www.kasikornbank.com/th/personal/debit-card/pages/journey.aspx
- สิทธิพิเศษของบัตรนี้สุดคุ้ม! เพราะคุณสามารถใช้บริการเลาน์สนามบิน คือ ห้องรับรอง Miracle Lounge 1 สิทธิ์ / ปีปฏิทินที่สนามบิน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ขาออกต่างประเทศ และภายในประเทศ) และดอนเมือง (ขาออกต่างประเทศ และภายในประเทศ) 1 สิทธิ์ / ปีปฏิทิน เพียงแสดงบัตรเดบิต JOURNEY พร้อม Boarding Pass ก่อนเข้าใช้บริการ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านที่ลิงค์ คลิก https://www.kasikornbank.com/th/personal/debit-card/pages/journey.aspx
- บัตรนี้สามารถใช้แลกเงินสดที่เคาน์เตอร์แลกเงินของธนาคารกสิกรไทยที่ตั้งในสนามบิน เพียงแจ้งว่าต้องการซื้อเงินสดสกุลเงินใด แล้วใช้บัตรนี้รูดจ่ายเงิน
2. บัตร ttb all free ของธนาคารทหารไทยธนชาต
คลิก https://www.ttbbank.com/th/personal/deposits/transactional-account/ttb-all-free
บัตรเดบิต Travel Card คืออะไร แตกต่างจากบัตรเดบิตธรรมดาและบัตรเครดิตอย่างไร?
บัตรเดบิตประเภท Travel card คือบัตรเดบิตที่ไว้ใช้จ่ายที่ต่างประเทศ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน 2.5% เฉพาะรายการกรณีรูดบัตรกับเครื่องรูดบัตร (แต่การใช้บัตรเพื่อใช้จ่ายออนไลน์จะยังมีเสียค่าธรรมเนียม)
กล่าวโดยสรุปคือ บัตรนี้สามารถใช้รูดซื้อสินค้ากับเครื่องรูดบัตรโดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน 2.5% และสามารถกดเงินจากตู้ ATM ได้ด้วย คุณไปประเทศใดก็กดเงินจากตู้ ATM เพื่อถอนเงินสกุลท้องถิ่นจากประเทศนั้นได้เลย โดยมีเสียค่าธรรมเนียมการกดเงินจาก ATM ในอัตราที่ถูกมาก ทำให้คุณไม่ต้องมองหาที่แลกเงิน หมดยุคสมัยที่คุณต้องแลกเงินสดล่วงหน้า เพียงเปลี่ยนมาพกบัตรเดบิต Travel card แทน จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นมาก
ขอแนะนำให้พก 2 บัตรนี้ทั้ง 2 บัตร เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่คุณรูดบัตรทำจ่ายเงินไม่ได้เพราะระบบธนาคาร Error ชั่วคราว คุณจะได้มีบัตรอื่นไว้ใช้จ่ายแทน
วิธีการใช้บัตร :
- 2 บัตรนี้มีวิธีใช้เหมือนกัน คือ เพียงแค่คุณมีเงินในบัญชี คุณก็สามารถรูดบัตรทำจ่ายเงินหรือกดเงินจากตู้ ATM ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาแลกเงินผ่านแอพธนาคารล่วงหน้าเหมือนบัตรอื่นๆ โดยคุณจะต้องตั้งรหัส Pin 6 หลักล่วงหน้า ซึ่งคุณจะต้องจำรหัส Pin ให้ได้
- บัตรสามารถแตะแท็ปบัตรที่ตัวเครื่องรูดบัตรได้เลย โดยที่ไม่ต้องเสียบบัตรเข้ากับเครื่องรูดบัตรก็ได้
การใช้งานเพื่อรูดบัตรจ่ายเงินกับเครื่องรูดบัตร :
หากยอดจ่ายต่ำ เพียงแตะบัตรกับเครื่องรูดบัตรเท่านั้นโดยไม่ต้องกด Pin 6 หลักก็ทำจ่ายเงินสำเร็จ หากเป็นยอดจ่ายต่ำทางร้านจะไม่ถามให้คุณกด Pin
หากยอดจ่ายสูง เพียงแตะบัตรกับเครื่องรูดบัตร จากนั้นต้องกด Pin 6 หลัก จากนั้นกดปุ่มสีเขียวเพื่อยืนยัน ซึ่งการกด Pin คุณจะได้ทำกด Pin เฉพาะหากยอดจ่ายสูงตามที่ร้านค้านั้นตั้งค่าไว้ว่ายอดจ่ายมากกว่ายอดเท่าไหร่ที่ลูกค้าจะต้องกด Pin ซึ่งทางร้านจะแจ้งให้คุณกด Pin เอง
2 บัตรนี้ข้อดีที่เหมือนกันคือ :
- ทั้ง 2 บัตรสามารถนำบัตรไปใช้งานได้ทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะไปประเทศใด
- ทั้ง 2 บัตรใช้จ่ายได้ทุกเรทสกุลเงินทั่วโลก
- ทั้ง 2 บัตรไม่ต้องแลกเงินล่วงหน้าในแอพธนาคารให้ยุ่งยาก เพียงแค่มีเงินในบัญชีก็ใช้งานบัตรได้เลย
- ทั้ง 2 บัตรสามารถใช้บัตรในต่างประเทศและใช้บัตรในไทยได้ด้วย โดยสามารถรูดบัตรทำจ่ายเงินและกดเงินจาก ATM ในไทยได้ด้วย ในขณะที่บัตร Travel card อื่นๆ ได้กำหนดให้ใช้งานบัตรในต่างประเทศเท่านั้น
- ทั้ง 2 บัตร แตะจ่ายกับเครื่องรูดบัตรได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องเสียบบัตรเข้ากับเครื่องรูดบัตร
ความปลอดภัยในการใช้บัตร : สามารถตั้งค่าระงับการใช้บัตรชั่วคราวหรือปลดล็อคบัตรผ่านแอพธนาคาร แต่ระวังอย่าเปิด-ปิดการใช้งานบัตรในช่วงเวลานอกทำการ คือช่วงเที่ยงคืน-จนถึงรุ่งเช้าของเวลาไทยเพราะคุณจะไม่สามารถทำรายการได้ (สำหรับเวลาเปิด-ปิดทำการในการตั้งค่านี้โปรดสอบถามธนาคารเพิ่มเติม)
ข้อแนะนำในการใช้บัตรเพื่อความปลอดภัย :
#หากใช้บัตรรูดจ่ายเงินไม่สำเร็จ ให้ขอสลิปหลักฐานการจ่ายเงินไม่สำเร็จที่ออกจากเครื่องรูดบัตรจากร้านค้าทุกครั้ง
- หากรูดบัตรเพื่อทำการจ่ายเงินไม่สำเร็จ เพราะทางร้านแจ้งว่าตัดเงินไม่สำเร็จ คุณควรขอสลิปที่เเจ้งว่าตัดเงินไม่สำเร็จจากเครื่องรูดบัตรไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ร้านค้าคดโกงแจ้งเท็จว่าตัดเงินไม่สำเร็จ ทำให้คุณต้องรูดบัตรใหม่จ่ายเงินซ้ำซ้อน
- หากเกิดกรณีระบบธนาคารผิดพลาดหรือล่มเพราะได้ทำการตัดเงินจากบัตรแล้วแต่ยอดยังไม่เข้าร้านค้า ทำให้เครื่องรูดบัตรบันทึกสลิปว่าตัดเงินไม่สำเร็จ คุณควรขอสลิปนี้จากเครื่องรูดบัตรทุกครั้ง เพื่อจะได้มีสลิปหลักฐานการตัดบัตรไม่สำเร็จจากเครื่องรูดบัตรไว้ทำเรื่องขอเงินคืนจากธนาคารในภายหลัง
- เนื่องจากการรูดบัตรจ่ายเงินหากยอดจ่ายเงินต่ำ คุณจะไม่ได้กด Pin เพียงแค่แตะบัตรกับเครื่องรูดบัตรก็จ่ายเงินสำเร็จ ทำให้หากคุณมีปัญหาทำบัตรหายไม่รู้ตัว คนร้ายอาจนำบัตรคุณไปใช้ได้โดยทำจ่ายยอดต่ำเเต่จ่ายหลายๆ ครั้ง วิธีแก้ไขคือคอยตรวจสอบยอดใช้จ่ายที่แจ้งเตือนมาว่ามียอดจ่ายทั้งที่คุณไม่ได้ใช้บัตรหรือไม่ หรือตั้งค่าบัตรล็อคบัตรเอาไว้ เมื่อจะใช้บัตรค่อยปลดล็อคบัตรผ่านแอพธนาคาร แต่ระวังอย่าตั้งค่าล็อค-ปลดล็อคบัตรนอกเวลาทำการเพราะคุณจะไม่สามารถตั้งค่านอกเวลาทำการได้
สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม :
- เมื่อได้รับบัตรใหม่ อย่าลืมเปิดใช้งานบัตร เพื่อ Active บัตรก่อนทุกครั้ง
- ตั้งค่า Pin 6 หลัก และจะต้องจำ Pin ให้ได้ เพราะจะใช้ Pin เมื่อกดเงินจากตู้ ATM และเมื่อรูดบัตรจ่ายเงินยอดจ่ายสูง
- ขอแนะนำให้เพิ่มบัตรเดบิตใหม่เข้าแอพธนาคาร เพื่อจะได้จัดการตั้งค่าต่างๆ ผ่านแอพธนาคารได้ รวมถึงสามารถเช็คยอดใช้จ่ายผ่านแอพธนาคารได้
- การเช็คยอดใช้จ่ายบัตรสามารถเช็คผ่านแอพธนาคารได้ จะมีข้อความเเจ้งเตือนการใช้จ่ายที่แอพธนาคาร
- หากต้องการได้รับ sms เเจ้งเตือนการใช้จ่ายบัตรเข้า Sim card เบอร์โทรไทยที่คุณนำมาต่างประเทศด้วย ขอแนะนำให้โทรเข้า Call center ของบริษัทเครือข่ายมือถือว่า "ขอเปิดบริการ รับข้อความ sms เมื่ออยู่ต่างประเทศ" โดยที่คุณไม่ต้องเปิดโรมมิ่งให้เสียเงินค่าโรมมิ่งที่แพง แต่เเค่ขอใช้บริการรับ sms เมื่ออยู่ต่างประเทศเท่านั้น คุณก็จะได้รับ sms แจ้งเตือนการใช้จ่ายผ่านบัตรทุกครั้งเมื่อคุณอยู่ต่างประเทศ และอย่าลืมตั้งค่าในโทรศัพท์ ตั้งค่าใช้งาน Sim card ให้รับข้อความได้
- ควรตรวจสอบสลิปจากเครื่องรูดบัตรทุกครั้งว่ายอดจ่ายตรงและถูกต้องหรือไม่ เพราะร้านค้าอาจผิดพลาดตัดเงินเกินยอดจ่าย
- ควรตรวจสอบการใช้จ่ายบัตรทุกครั้งที่ใช้บัตร เพื่อแน่ใจว่าไม่ตัดเงินซ้ำซ้อน โดยเฉพาะเมื่อรูดบัตรครั้งแรกไม่ผ่าน และมีการรูดบัตรซ้ำและตัดเงินผ่าน เพื่อตรวจให้แน่ใจว่ามีการตัดเงินแค่ 1 ครั้ง ไม่มีการตัดเงินซ้ำซ้อน
บริการรับยื่นวีซ่าเชงเก้น สอบถามเพิ่มเติม : คุณวา
Line คลิกเพื่อแอดไลน์ได้เลยค่ะ http://line.me/ti/p/~seeyouagainthailand
ไลน์ไอดี : seeyouagainthailand